หุ้น คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน
การลงทุนในตลาดหุ้นเป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยเพิ่มความมั่งคั่งได้ในระยะยาว การเป็นผู้ถือหุ้นคือการได้สิทธิในการเป็น “เจ้าของบริษัท” ซึ่งนักลงทุนจะได้เป็นเจ้าของบริษัทตามสัดส่วนผู้ถือหุ้นและประเภทของหุ้น
ทำไมนักลงทุนถึงสนใจการลงทุนในตลาดหุ้น
- 
	นักลงทุนสามารถมีส่วนร่วมในการตัดสินใจของบริษัทตามสิทธิของประเภทของหุ้นที่นักลงทุนถือ อาทิเช่น มีสิทธิในการลงคะแนนในการประชุมเพื่อเลือกตั้งกรรมการบริษัท เป็นต้น 
- 
	นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากเงินปันผลหากบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น 
- 
	นักลงทุนมีโอกาสได้กำไรจากการขายหุ้นหากราคาหุ้นขึ้นสูงกว่าราคาที่นักลงทุนซื้อมา 
- 
	นักลงทุนสามารถซื้อขายหุ้นได้ง่ายบนแพล็ตฟอร์มออนไลน์และหุ้นเป็นการลงทุนที่ถือว่ามีสภาพคล่องค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนประเภทอื่น อาทิเช่น อสังหาริมทรัพย์ ทองคำ 
- 
	ตลาดหุ้นมีหุ้นให้เลือกลงทุนจากหลากหลายอุตสาหกรรมซึ่งนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตการลงทุนได้ 
ก่อนตัดสินใจลงทุนในตลาดหุ้น นักลงทุนควร
- 
	เข้าใจธุรกิจของบริษัทที่เราต้องการลงทุนโดยการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ การเงิน การดำเนินงาน และคู่แข่งของบริษัทนั้นๆ เพราะการลงทุนในหุ้นเป็นการลงทุนในอนาคตของบริษัท และการดูเพียงผลตอบแทนหรือผลการดำเนินการในอดีตอาจไม่สามารถคาดการณ์ผลตอบแทนของบริษัทในอนาคตได้ทั้งหมด ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินและประสิทธิภาพของบริษัท เพื่อประเมินภาพรวม และการเติบโตในอนาคตจึงเป็นสิ่งสำคัญ 
- 
	กลไกของตลาดหุ้นซึ่งมีความผันผวนตามปัจจัยหลายอย่าง อาทิเช่น สถานการณ์เศรษฐกิจ การเมือง 
- 
	ประเมินและวางแผนการลงทุนอย่างมีระบบ โดย มีขั้นตอนการเลือกซื้อหุ้น การถือหุ้น และการขายหุ้น เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการลงทุน 
- 
	เข้าใจเรื่องค่าใช้จ่ายในการลงทุนเช่น ค่าธรรมเนียมการซื้อขายหุ้น ค่าบริการของบัญชีซื้อขายหุ้น และภาษีต่างๆ 
การวิเคราะห์หุ้นก่อนการลงทุนเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการตัดสินใจลงทุน มีหลายปัจจัยที่จะต้องพิจารณาก่อนการลงทุนในหุ้น ดังนี้:
- 
	งบการเงินของบริษัท รวมถึง งบดุล งบกำไรขาดทุน และ งบกระแสเงินสด ดูแนวโน้มของยอดขาย กำไรสุทธิ ต้นทุน และค่าใช้จ่าย ค่าใช้จ่ายในด้านต่างๆ และค่าเงินบาทเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ 
- 
	อุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินการ ความเป็นไปได้ในการเติบโตของอุตสาหกรรม และสภาพความเป็นไปได้ของตลาดโดยรวม เพื่อประเมินศักยภาพของบริษัทในอนาคต 
- 
	ผู้บริหารของบริษัท รวมถึงประสบการณ์ ผลงาน และรูปแบบการบริหาร เพื่อประเมินความสามารถในการดำเนินกิจการตามแผนการเสนอของบริษัท 
- 
	มูลค่าหุ้น เช่น อัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E ratio) อัตราส่วนราคาต่อมูลค่าหุ้น (P/B ratio) และอัตราส่วนราคาต่อยอดขาย (P/S ratio) 
- 
	ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน เช่นความเสี่ยงทางกฎหมายหรือกฎระเบียบ ความเสี่ยงจากการแข่งขัน หรือความเสี่ยงทางเทคโนโลยี พิจารณาวิธีการจัดการความเสี่ยงที่บริษัทจะนำไปใช้เพื่อลดความเสี่ยง 
- 
	บทวิเคราะห์หุ้นหรือรายงานวิเคราะห์หุ้น เป็นมุมมองของนักวิเคราะห์ที่อธิบายศักยภาพและความเสี่ยงของบริษัทโดยการศึกษาการเติบโตของรายได้ และความเสี่ยงของอุตสาหกรรม 
การตอบคำถามยอดนิยมว่า “ควรลงทุนหุ้นตัวไหนดี” จึงสามารถทำได้หลังจากที่นักลงทุนศึกษาข้อมูลของบริษัท วิเคราะห์แนวโน้มของตลาด รวมถึงคู่แข่งในอุตสาหกรรมนั้นๆ และทำการวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ
ถ้านักลงทุนมีหุ้นที่สนใจลงทุนแล้ว ลองตอบคำถามพื้นฐานเหล่านี้ดูว่านักลงทุนรู้จักหุ้นตัวนี้ดีหรือไม่?
- ธุรกิจหลักของบริษัทคืออะไร?
- ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดเป็นอย่างไร?
- กราฟราคาหุ้นมีแนวโน้มเป็นอย่างไร?
- บริษัทมีแผนขยายธุรกิจอย่างไร?
- อะไรคือความเสี่ยงหลักของธุรกิจ?
- มูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นตัวนี้อยู่ที่เท่าไหร่?
- กลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะสมกับหุ้นตัวนี้คืออะไร?
- มีข่าวอะไรใหม่เกี่ยวกับบริษัทบ้าง?
- นักวิเคราะห์มีความคิดเห็นอย่างไรต่อหุ้นตัวนี้?
- ทำไมคุณถึงสนใจลงทุนในหุ้นตัวนี้?
สุดท้ายนี้ การลงทุนมีความเสี่ยง นักลงทุนไม่ควรลงทุนในสินทรัพย์ชนิดเดียวและควรกระจายความเสี่ยงพอร์ตด้วยสินทรัพย์ที่หลากหลาย
หากนักลงทุนสนใจลงทุนในสินทรัพย์ใหม่ที่ให้ผลตอบแทนชัดเจน และมีความผันผวนต่ำ สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง คืออะไรได้ที่นี่
 
             
                            
                        



