ESG: The Power of Investment

การลงทุนของคุณมีพลังมากกว่าแค่การสร้างความมั่งคั่ง แต่คือการขับเคลื่อนอนาคตที่ดีกว่าเพื่อเราทุกคนและโลกใบนี้ วันนี้ นิยามของ “การลงทุน” ได้ขยายขอบเขตไปไกลกว่าการแสวงหาผลกำไร ในฐานะนักลงทุน คุณมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางธุรกิจ ด้วยการตัดสินใจเลือกว่าจะส่งพลังสนับสนุนไปยังธุรกิจประเภทใด ทุกการลงทุนของคุณจึงเป็นสัญญาณอันทรงพลังที่ส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและสังคม และขณะที่คุณมุ่งสร้างการเติบโตทางการเงิน คุณก็สามารถใช้พลังเดียวกันนั้นสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขในบัญชี นี่คือหัวใจและพลวัตของ “การลงทุนอย่างยั่งยืน” ที่พร้อมมอบ “ผลตอบแทนสองเด้ง” ทั้งความมั่งคั่งและการพัฒนาเพื่อโลกของเราอย่างแท้จริง

ความท้าทายของโลกและเป้าหมายการพัฒนา (SDGs)

การขับเคลื่อนโลกสู่อนาคตที่ดีกว่า จำเป็นต้องเข้าใจและเผชิญหน้ากับความท้าทายที่หลากหลาย ซับซ้อน และแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้การรับมือกับโจทย์ใหญ่เหล่านี้มีทิศทางที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้จริง องค์การสหประชาชาติ (UN) จึงได้ริเริ่มและกำหนด "เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน" (Sustainable Development Goals - SDGs) 17 ข้อขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศสากล ชี้แนะแนวทางการพัฒนาที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ตั้งแต่การขจัดความยากจน การสร้างความเท่าเทียม การดูแลสุขภาพและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ไปจนถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดมั่นในหลักการสำคัญคือ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" (Leave No One Behind) สำหรับนักลงทุน การทำความเข้าใจเป้าหมาย SDGs เหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้มองเห็นโอกาสในการนำพลังการลงทุนไปสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหา และร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกของเราเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)

ESG: ลงทุนวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

เมื่อโลกเผชิญความท้าทายและ SDGs ชี้ทิศทางการพัฒนา คำถามต่อไปคือ นักลงทุนจะใช้พลังของตนสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ได้อย่างไร? คำตอบอยู่ที่ Framework หรือ กรอบการวิเคราะห์ Environmental-Social-Governance (ESG) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้นักลงทุนสามารถประเมินและเลือกลงทุนในบริษัทที่ดำเนินงานสอดรับกับ SDGs ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย ESG จัดกลุ่มปัจจัยความยั่งยืนเป็น 3 มิติหลักที่นักลงทุนนำมาพิจารณาได้โดยตรง ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) การใช้กรอบ ESG จึงไม่เพียงช่วยนักลงทุนค้นหาโอกาสสร้างผลตอบแทน แต่ยังเป็นการเลือกสนับสนุนธุรกิจที่เป็นพลังบวกในการแก้ปัญหาและสร้างเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกของเรา

ESG: มาตรฐานที่นักลงทุนไทยต้องรู้

แนวคิด ESG ได้กลายเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับและนำมาปรับใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือประกอบการตัดสินใจลงทุน องค์กรชั้นนำหลายแห่งจึงได้พัฒนาเกณฑ์และมาตรฐานด้าน ESG ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น:

  • Sustainability Reporting Standards: กรอบการรายงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ช่วยให้บริษัทต่างๆเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG อย่างเป็นระบบและโปร่งใสและนักลงทุนเองก็สามารถเปรียบเทียบและประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทต่างๆ ได้ ตัวอย่าง เช่น Global Reporting Initiative (GRI), International Sustainability Standards Board (ISSB) และ IFRS Sustainability Disclosure Standards (IFRS S1 and S2)

  • Global Sustainability Indices and Ratings: ดัชนีอย่าง Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) หรือ FTSE4Good และอันดับความยั่งยืนจากหน่วยงานประเมิน เช่น S&P Global หรือ MSCI ESG Ratings ได้พัฒนาเกณฑ์การประเมิน ESG ที่เข้มงวด และจัดทำรายชื่อบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นเพื่อเป็นดัชนีชี้วัดและข้อมูลสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

  • กฎระเบียบและนโยบายภาครัฐ: หลายประเทศและภูมิภาค เช่น สหภาพยุโรป ได้ออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูล ESG และการลงทุนที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและการเงินคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลกที่ลงทุนในตลาดเหล่านั้น

สำหรับประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ริเริ่ม SET ESG Ratings เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ยั่งยืนควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูล ESG ที่ได้มาตรฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจ ผลการประเมิน SET ESG Ratings ล่าสุด ซึ่งประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2024 มีบริษัทจดทะเบียน 228 แห่งได้รับการจัดอันดับ โดยนักลงทุนสามารถตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดได้โดยตรงจากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

มาตรฐานเหล่านี้ล้วนสะท้อนว่า ESG คือองค์ประกอบสำคัญของภูมิทัศน์การลงทุนสากล เป็นกลไกเชื่อมโยงการดำเนินธุรกิจเข้ากับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเปิดทางให้นักลงทุนใช้พลังของตนสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้อย่างแท้จริง

ESG ขับเคลื่อนธุรกิจไทย: โอกาสและความเสี่ยง

ในบริบทประเทศไทย ความตื่นตัวต่อประเด็นสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แรงผลักดันจากภาคประชาชนที่เรียกร้องให้ภาครัฐและเอกชนแก้ไขปัญหาต่างๆ สะท้อนชัดเจนว่าหลักการ ESG นี้มิได้จำกัดวงอยู่เพียงบริษัทขนาดใหญ่ แต่ยังครอบคลุมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจไทย ให้สามารถนำไปปรับใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนและความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ประเด็น ESG ท้องถิ่นที่นักลงทุนไทยต้องจับตา

ประเด็น ESG ที่สังคมไทยให้ความสนใจและจับตามองอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย:

  • ประเด็นสิ่งแวดล้อม: การเรียกร้องอากาศสะอาดและการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5, การบริหารจัดการขยะและมลพิษในแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน, รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและทรัพยากรธรรมชาติ

  • ประเด็นสังคม: การผลักดันความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิ LGBTQ+ (เช่น ประเด็นสมรสเท่าเทียม), การดูแลสิทธิและสวัสดิการแรงงาน, ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน, ความรับผิดชอบต่อชุมชนรอบสถานประกอบการ, และการเข้าถึงบริการพื้นฐานอย่างทั่วถึง

  • ประเด็นธรรมาภิบาล: การต่อต้านคอร์รัปชัน, การสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชน, การคุ้มครองสิทธิ์ผู้ถือหุ้นรายย่อย, และการส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม

ความตื่นตัวนี้ชี้ชัดว่า ESG เป็นปัจจัยที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการตลาดให้กับบริษัทที่นำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้ในกลยุทธ์ของตน

เมื่อ ESG ถูกมองข้าม: บทเรียนราคาแพงจากความเสียหายจริง

ความตื่นตัวเรื่อง ESG ที่เพิ่มสูงขึ้นในสังคม กำลังสร้างแรงจูงใจเชิงบวกให้หลายบริษัทหันมาดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและภาพลักษณ์ที่ดี ทว่า อีกมุมหนึ่งที่อาจมีนัยยะสำคัญมากกว่าสำหรับทั้งภาคธุรกิจและนักลงทุนในการให้ความสำคัญกับ ESG คือ ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อบริษัทเพิกเฉยต่อหลักการนี้ การละเลยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดปัญหาในวงกว้าง แต่ยังสร้างความเสียหายโดยตรงต่อภาพลักษ์ (Branding) ผลการดำเนินงานทางธุรกิจ และผลกำไรสุทธิ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความเสี่ยงที่สำคัญยิ่งสำหรับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ลองมาพิจารณาบทเรียนจากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย:

  • ด้านสิ่งแวดล้อม: การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยมลพิษ การจัดการของเสียที่ไม่เหมาะสม หรือการก่อให้เกิดอุบัติภัยร้ายแรง ย่อมนำไปสู่ความเสียหายต่อระบบนิเวศ สุขภาพของชุมชน และอาจเผชิญกับบทลงโทษทางกฎหมาย ค่าปรับ ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูมูลค่ามหาศาล รวมถึงความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของนักลงทุน กรณีศึกษาที่สะท้อนผลกระทบเหล่านี้คือเหตุการณ์น้ำมันดิบประมาณ 50,000 ลิตร รั่วไหลจากท่อส่งของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) ในทะเลระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2013 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของชาวประมงในพื้นที่ PTTGC ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขจัดคราบน้ำมัน การฟื้นฟู และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก และราคาหุ้นของบริษัทในช่วงดังกล่าวก็ปรับตัวลดลงประมาณ 6-10% ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อภาระทางการเงินและความเสียหายต่อภาพลักษณ์องค์กร

  • ด้านสังคม: การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะต่อพนักงาน ชุมชน และผู้บริโภค เช่น การละเลยความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงาน การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างไม่เป็นธรรม หรือการเพิกเฉยต่อผลกระทบที่การดำเนินงานมีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ข้อพิพาทแรงงาน การถูกคว่ำบาตรจากสังคม และความเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและมูลค่าของกิจการได้ ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์อาคารถล่มเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2025 ซึ่ง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) เป็นผู้รับเหมาร่วม เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก นำไปสู่การตั้งคำถามอย่างจริงจังในสังคมเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท ITD สั่นคลอนอย่างหนัก โดยมีรายงานว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน (กว่า 20% ในวันทำการหลังเกิดเหตุ) นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังอาจสร้างความวิตกต่อผู้ที่สนใจลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในประเด็นความปลอดภัยโดยรวมของประเทศ

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)และเหตุการณ์อาคารถล่มจาก Nikkei Asia และ Reuters

  • ด้านธรรมาภิบาล (Governance): การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบด้านธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น ผู้บริหารมีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน การบริหารจัดการขาดความโปร่งใส หรือมีการตกแต่งบัญชีเพื่อบิดเบือนข้อมูลต่อนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมนำไปสู่การกัดกร่อนความเชื่อมั่นและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดทุนอย่างรุนแรง กรณีอื้อฉาวของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ในช่วงปี 2023 นับเป็นอุทาหรณ์สำคัญ เมื่อมีการตรวจพบการทุจริตและการตกแต่งบัญชีครั้งใหญ่ ผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์สิน ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องสั่งพักการซื้อขายหุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย SP) และเมื่อเปิดให้ซื้อขายเป็นการชั่วคราวในเดือนมิถุนายน 2023 ราคาหุ้นได้ทรุดตัวลงกว่า 90% ภายในวันเดียว (จากราคาประมาณ 2.38 บาท เหลือเพียงไม่กี่สตางค์) และท้ายที่สุดถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้ถือหุ้นสามัญเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ถือหุ้นกู้หลายพันรายที่ต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้หลายชุด รวมมูลค่ากว่า 9.2 พันล้านบาท ซึ่งหลายรายได้รวมตัวกันดำเนินการทางกฎหมาย กรณีนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้ลงทุนในวงกว้างรวมเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท พร้อมทั้งสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีต่อตลาดทุนไทยอย่างมาก

ESG: เกราะป้องกันความเสี่ยงและความจำเป็นเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

กรณีศึกษาข้างต้นสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การดำเนินธุรกิจโดยปราศจากความใส่ใจต่อ ESG นั้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนและย่อมส่งผลเสียต่อองค์กรในที่สุด การบูรณาการปัจจัย ESG เข้ากับกลยุทธ์องค์กรจึงไม่ใช่เพียง 'สิ่งที่ควรทำ' (nice-to-have) หรือเพื่อสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น แต่คือองค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) และเป็นปัจจัยชี้ขาดความสามารถในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว บริษัทที่ไม่ปรับตัวและเพิกเฉยต่อประเด็นเหล่านี้จะมีความเปราะบางมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจไม่สามารถอยู่รอดได้ในภูมิทัศน์ธุรกิจที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ

ส่องบริษัทไทย ESG: ผู้นำการเปลี่ยนแปลง

ท่ามกลางความตื่นตัวด้าน ESG บริษัทไทยจำนวนไม่น้อยได้แสดงวิสัยทัศน์และนำหลักการ ESG มาเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจ พิสูจน์ให้เห็นว่าการบูรณาการปัจจัยเหล่านี้สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม หลายบริษัทได้รับการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติให้อยู่ในทำเนียบบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืน ทั้งจาก SET ESG Ratings และดัชนีสากล นักลงทุนสามารถค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเหล่านี้ได้จากรายงานความยั่งยืนและแหล่งข้อมูลทางการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตัวอย่างบริษัทที่โดดเด่น อาทิ:

  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT): ได้รับการยอมรับด้านการบริหารจัดการความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนและสังคม

  • บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG): โดดเด่นในการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ในกระบวนการผลิต พัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง

  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBank): มีบทบาทในการส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) สนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการปรับตัวสู่ความยั่งยืน และมีนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและการดูแลพนักงานที่ชัดเจน

หมายเหตุ: การกล่าวถึงบริษัทข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเพื่อประกอบความเข้าใจ ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเอง

เริ่มลงทุน ESG: เลือกเครื่องมือ เข้าใจความเสี่ยง

เมื่อตระหนักถึงพลังและโอกาสของการลงทุน ESG หากคุณพร้อมจะเริ่มต้น นี่คือแนวทางและข้อควรพิจารณาสำหรับการลงทุน ESG ในประเทศไทย:

การลงทุน ESG เปิดกว้างสำหรับสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่จำกัดเพียงหุ้นรายตัวที่โดดเด่นด้านความยั่งยืน (เช่น บริษัทใน SET ESG Ratings) แต่ยังรวมถึงกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) กองทุนรวมอื่นที่มีนโยบาย ESG ชัดเจน และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bonds) สินทรัพย์แต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของราคาหุ้น ความเสี่ยงด้านเครดิตของตราสารหนี้ หรือนโยบายและค่าธรรมเนียมของกองทุนรวม นักลงทุนจึงควรศึกษาทำความเข้าใจในรายละเอียดของเครื่องมือแต่ละประเภทและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน

สิ่งที่ต้องพิจารณา:

  • การลงทุนมีความเสี่ยง: สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องตระหนักเสมอคือ การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง แม้ว่าบริษัทจะได้รับการประเมินว่ามีผลการดำเนินงานด้าน ESG ที่ดี หรืออยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนในบริษัทนั้นๆ จะให้ผลตอบแทนที่ดีหรือมีกำไรเสมอไป ปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาวะตลาด ผลประกอบการของบริษัทโดยรวม และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค ยังคงส่งผลต่อราคาและผลตอบแทนของการลงทุน

  • ศึกษาข้อมูล: ทำความรู้จักกับแนวคิด ESG แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น รายงานความยั่งยืนของบริษัท หรือข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานประเมินที่น่าเชื่อถือ

  • พิจารณาเครื่องมือลงทุน: เลือกประเภทสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หากคุณสงสัยว่าจะ ลงทุนในกองทุนไทย ESG อย่างไร สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ

  • ประเมินความเสี่ยง: ทำความเข้าใจความเสี่ยงเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ESG เช่น ความเสี่ยงของ Greenwashing ที่บริษัทอาจเพียงแค่สร้างภาพลักษณ์โดยไม่มีการดำเนินงานจริง ควรพิจารณาจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือและผลการดำเนินงานที่ตรวจสอบได้

  • ใช้พลังผู้ถือหุ้น (Shareholder Activism): ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณมีสิทธิและพลังในการมีส่วนร่วม ตรวจสอบ และตั้งคำถามกับทิศทางการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัท นี่คือบทบาทสำคัญของนักลงทุนในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในภาคธุรกิจไทย

ลงทุน ESG: ผลตอบแทนสองเด้งและพลังการตัดสินใจในมือคุณ

หลายคนอาจยังกังวลว่าการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัย ESG จะส่งผลให้ผลตอบแทนทางการเงินลดน้อยลง แต่ถ้าเราไตร่ตรองอย่างจริงจังแล้ว บริษัทที่ยึดมั่นในหลัก ESG มักแสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหนือกว่า สะท้อนพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ประสิทธิภาพสูง และศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน นักลงทุนไทยที่มองหาคุณค่าควบคู่ไปกับผลกำไร จึงสามารถคาดหวังประโยชน์จากการลงทุน ESG ได้ดังนี้

  • บริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น: ลดความเสี่ยงจากกฎระเบียบ ปัญหาแรงงาน หรือความเสียหายต่อชื่อเสียง ส่งผลดีต่อเสถียรภาพธุรกิจ

  • ประสิทธิภาพในการดำเนินงานสูงขึ้น: การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

  • สร้างแบรนด์และชื่อเสียง: ดึงดูดลูกค้า พนักงาน และสร้างความภักดีระยะยาว

  • เข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น: นักลงทุนสถาบันให้ความสำคัญ ESG ทำให้บริษัทเข้าถึงเงินทุนได้หลากหลายและมีต้นทุนต่ำกว่า

การนำ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ จึงไม่เพียงยกระดับการตัดสินใจลงทุนให้รอบคอบและมองการณ์ไกล แต่ยังเป็นการลงทุนที่สร้าง "ผลตอบแทนสองเด้ง" อย่างแท้จริง นั่นคือ ทั้งกำไรทางการเงินและการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น

พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นที่ ‘การตัดสินใจ’ ของคุณ ในฐานะนักลงทุน ทุกการลงทุนไม่เพียงส่งผลต่อพอร์ตโฟลิโอการลงทุน แต่ยังร่วมกำหนดอนาคตของธุรกิจ สังคม และโลกใบนี้ นั่นย่อมหมายถึงความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับทางเลือกสำคัญ คุณจะยังคงลงทุนในแบบเดิมที่มุ่งผลตอบแทนระยะสั้น หรือจะเลือกใช้พลังแห่งเงินทุนของคุณอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investing) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ผลลัพธ์เชิงบวกที่ยั่งยืน ทั้งเพื่อผลตอบแทนที่ดีและเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของพวกเราทุกคน

สร้างอนาคต SME ไทย: ลงทุนหุ้นกู้ Crowdfunding

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้พลังของตนสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย การลงทุนในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มีศักยภาพและยึดมั่นในความยั่งยืน ถือเป็นอีกช่องทางที่ไม่ควรมองข้าม อินเวสทรี (ไทยแลนด์) ในฐานะแพลตฟอร์มหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเพื่อ SME ไทย มุ่งมั่นเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักลงทุนเช่นคุณ กับ SME คุณภาพที่พร้อมเติบโตและสร้างคุณค่าให้สังคมและสิ่งแวดล้อม การลงทุนในหุ้นกู้ Crowdfunding ไม่เพียงเปิดประตูสู่โอกาสรับผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังเป็นการส่งต่อพลังทุนสนับสนุนธุรกิจที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ร่วมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งและยั่งยืนจากฐานราก 

ขับเคลื่อนอนาคตที่ดีกว่าเพื่อ SME ไทยและสังคมของเรา ค้นพบโอกาสการลงทุนที่ตอบโจทย์คุณได้ที่ www.investree.co.th



ESG: The Power of Investment

การลงทุนของคุณมีพลังมากกว่าแค่การสร้างความมั่งคั่ง แต่คือการขับเคลื่อนอนาคตที่ดีกว่าเพื่อเราทุกคนและโลกใบนี้ วันนี้ นิยามของ “การลงทุน” ได้ขยายขอบเขตไปไกลกว่าการแสวงหาผลกำไร ในฐานะนักลงทุน คุณมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางธุรกิจ ด้วยการตัดสินใจเลือกว่าจะส่งพลังสนับสนุนไปยังธุรกิจประเภทใด ทุกการลงทุนของคุณจึงเป็นสัญญาณอันทรงพลังที่ส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและสังคม และขณะที่คุณมุ่งสร้างการเติบโตทางการเงิน คุณก็สามารถใช้พลังเดียวกันนั้นสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขในบัญชี นี่คือหัวใจและพลวัตของ “การลงทุนอย่างยั่งยืน” ที่พร้อมมอบ “ผลตอบแทนสองเด้ง” ทั้งความมั่งคั่งและการพัฒนาเพื่อโลกของเราอย่างแท้จริง

ความท้าทายของโลกและเป้าหมายการพัฒนา (SDGs)

การขับเคลื่อนโลกสู่อนาคตที่ดีกว่า จำเป็นต้องเข้าใจและเผชิญหน้ากับความท้าทายที่หลากหลาย ซับซ้อน และแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้การรับมือกับโจทย์ใหญ่เหล่านี้มีทิศทางที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้จริง องค์การสหประชาชาติ (UN) จึงได้ริเริ่มและกำหนด "เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน" (Sustainable Development Goals - SDGs) 17 ข้อขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศสากล ชี้แนะแนวทางการพัฒนาที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ตั้งแต่การขจัดความยากจน การสร้างความเท่าเทียม การดูแลสุขภาพและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ไปจนถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดมั่นในหลักการสำคัญคือ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" (Leave No One Behind) สำหรับนักลงทุน การทำความเข้าใจเป้าหมาย SDGs เหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้มองเห็นโอกาสในการนำพลังการลงทุนไปสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหา และร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกของเราเพื่ออนาคตที่ดีกว่า

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)

ESG: ลงทุนวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า

เมื่อโลกเผชิญความท้าทายและ SDGs ชี้ทิศทางการพัฒนา คำถามต่อไปคือ นักลงทุนจะใช้พลังของตนสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ได้อย่างไร? คำตอบอยู่ที่ Framework หรือ กรอบการวิเคราะห์ Environmental-Social-Governance (ESG) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้นักลงทุนสามารถประเมินและเลือกลงทุนในบริษัทที่ดำเนินงานสอดรับกับ SDGs ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย ESG จัดกลุ่มปัจจัยความยั่งยืนเป็น 3 มิติหลักที่นักลงทุนนำมาพิจารณาได้โดยตรง ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) การใช้กรอบ ESG จึงไม่เพียงช่วยนักลงทุนค้นหาโอกาสสร้างผลตอบแทน แต่ยังเป็นการเลือกสนับสนุนธุรกิจที่เป็นพลังบวกในการแก้ปัญหาและสร้างเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกของเรา

ESG: มาตรฐานที่นักลงทุนไทยต้องรู้

แนวคิด ESG ได้กลายเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับและนำมาปรับใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือประกอบการตัดสินใจลงทุน องค์กรชั้นนำหลายแห่งจึงได้พัฒนาเกณฑ์และมาตรฐานด้าน ESG ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น:

  • Sustainability Reporting Standards: กรอบการรายงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ช่วยให้บริษัทต่างๆเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG อย่างเป็นระบบและโปร่งใสและนักลงทุนเองก็สามารถเปรียบเทียบและประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทต่างๆ ได้ ตัวอย่าง เช่น Global Reporting Initiative (GRI), International Sustainability Standards Board (ISSB) และ IFRS Sustainability Disclosure Standards (IFRS S1 and S2)

  • Global Sustainability Indices and Ratings: ดัชนีอย่าง Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) หรือ FTSE4Good และอันดับความยั่งยืนจากหน่วยงานประเมิน เช่น S&P Global หรือ MSCI ESG Ratings ได้พัฒนาเกณฑ์การประเมิน ESG ที่เข้มงวด และจัดทำรายชื่อบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นเพื่อเป็นดัชนีชี้วัดและข้อมูลสำหรับนักลงทุนทั่วโลก

  • กฎระเบียบและนโยบายภาครัฐ: หลายประเทศและภูมิภาค เช่น สหภาพยุโรป ได้ออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูล ESG และการลงทุนที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและการเงินคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลกที่ลงทุนในตลาดเหล่านั้น

สำหรับประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ริเริ่ม SET ESG Ratings เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ยั่งยืนควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูล ESG ที่ได้มาตรฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจ ผลการประเมิน SET ESG Ratings ล่าสุด ซึ่งประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2024 มีบริษัทจดทะเบียน 228 แห่งได้รับการจัดอันดับ โดยนักลงทุนสามารถตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดได้โดยตรงจากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

มาตรฐานเหล่านี้ล้วนสะท้อนว่า ESG คือองค์ประกอบสำคัญของภูมิทัศน์การลงทุนสากล เป็นกลไกเชื่อมโยงการดำเนินธุรกิจเข้ากับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเปิดทางให้นักลงทุนใช้พลังของตนสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้อย่างแท้จริง

ESG ขับเคลื่อนธุรกิจไทย: โอกาสและความเสี่ยง

ในบริบทประเทศไทย ความตื่นตัวต่อประเด็นสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แรงผลักดันจากภาคประชาชนที่เรียกร้องให้ภาครัฐและเอกชนแก้ไขปัญหาต่างๆ สะท้อนชัดเจนว่าหลักการ ESG นี้มิได้จำกัดวงอยู่เพียงบริษัทขนาดใหญ่ แต่ยังครอบคลุมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจไทย ให้สามารถนำไปปรับใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนและความได้เปรียบทางการแข่งขัน

ประเด็น ESG ท้องถิ่นที่นักลงทุนไทยต้องจับตา

ประเด็น ESG ที่สังคมไทยให้ความสนใจและจับตามองอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย:

  • ประเด็นสิ่งแวดล้อม: การเรียกร้องอากาศสะอาดและการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5, การบริหารจัดการขยะและมลพิษในแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน, รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและทรัพยากรธรรมชาติ

  • ประเด็นสังคม: การผลักดันความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิ LGBTQ+ (เช่น ประเด็นสมรสเท่าเทียม), การดูแลสิทธิและสวัสดิการแรงงาน, ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน, ความรับผิดชอบต่อชุมชนรอบสถานประกอบการ, และการเข้าถึงบริการพื้นฐานอย่างทั่วถึง

  • ประเด็นธรรมาภิบาล: การต่อต้านคอร์รัปชัน, การสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชน, การคุ้มครองสิทธิ์ผู้ถือหุ้นรายย่อย, และการส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม

ความตื่นตัวนี้ชี้ชัดว่า ESG เป็นปัจจัยที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการตลาดให้กับบริษัทที่นำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้ในกลยุทธ์ของตน

เมื่อ ESG ถูกมองข้าม: บทเรียนราคาแพงจากความเสียหายจริง

ความตื่นตัวเรื่อง ESG ที่เพิ่มสูงขึ้นในสังคม กำลังสร้างแรงจูงใจเชิงบวกให้หลายบริษัทหันมาดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและภาพลักษณ์ที่ดี ทว่า อีกมุมหนึ่งที่อาจมีนัยยะสำคัญมากกว่าสำหรับทั้งภาคธุรกิจและนักลงทุนในการให้ความสำคัญกับ ESG คือ ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อบริษัทเพิกเฉยต่อหลักการนี้ การละเลยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดปัญหาในวงกว้าง แต่ยังสร้างความเสียหายโดยตรงต่อภาพลักษ์ (Branding) ผลการดำเนินงานทางธุรกิจ และผลกำไรสุทธิ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความเสี่ยงที่สำคัญยิ่งสำหรับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ลองมาพิจารณาบทเรียนจากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย:

  • ด้านสิ่งแวดล้อม: การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยมลพิษ การจัดการของเสียที่ไม่เหมาะสม หรือการก่อให้เกิดอุบัติภัยร้ายแรง ย่อมนำไปสู่ความเสียหายต่อระบบนิเวศ สุขภาพของชุมชน และอาจเผชิญกับบทลงโทษทางกฎหมาย ค่าปรับ ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูมูลค่ามหาศาล รวมถึงความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของนักลงทุน กรณีศึกษาที่สะท้อนผลกระทบเหล่านี้คือเหตุการณ์น้ำมันดิบประมาณ 50,000 ลิตร รั่วไหลจากท่อส่งของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) ในทะเลระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2013 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของชาวประมงในพื้นที่ PTTGC ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขจัดคราบน้ำมัน การฟื้นฟู และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก และราคาหุ้นของบริษัทในช่วงดังกล่าวก็ปรับตัวลดลงประมาณ 6-10% ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อภาระทางการเงินและความเสียหายต่อภาพลักษณ์องค์กร

  • ด้านสังคม: การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะต่อพนักงาน ชุมชน และผู้บริโภค เช่น การละเลยความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงาน การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างไม่เป็นธรรม หรือการเพิกเฉยต่อผลกระทบที่การดำเนินงานมีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ข้อพิพาทแรงงาน การถูกคว่ำบาตรจากสังคม และความเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและมูลค่าของกิจการได้ ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์อาคารถล่มเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2025 ซึ่ง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) เป็นผู้รับเหมาร่วม เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก นำไปสู่การตั้งคำถามอย่างจริงจังในสังคมเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท ITD สั่นคลอนอย่างหนัก โดยมีรายงานว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน (กว่า 20% ในวันทำการหลังเกิดเหตุ) นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังอาจสร้างความวิตกต่อผู้ที่สนใจลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในประเด็นความปลอดภัยโดยรวมของประเทศ

ข่าวเกี่ยวกับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)และเหตุการณ์อาคารถล่มจาก Nikkei Asia และ Reuters

  • ด้านธรรมาภิบาล (Governance): การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบด้านธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น ผู้บริหารมีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน การบริหารจัดการขาดความโปร่งใส หรือมีการตกแต่งบัญชีเพื่อบิดเบือนข้อมูลต่อนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมนำไปสู่การกัดกร่อนความเชื่อมั่นและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดทุนอย่างรุนแรง กรณีอื้อฉาวของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ในช่วงปี 2023 นับเป็นอุทาหรณ์สำคัญ เมื่อมีการตรวจพบการทุจริตและการตกแต่งบัญชีครั้งใหญ่ ผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์สิน ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องสั่งพักการซื้อขายหุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย SP) และเมื่อเปิดให้ซื้อขายเป็นการชั่วคราวในเดือนมิถุนายน 2023 ราคาหุ้นได้ทรุดตัวลงกว่า 90% ภายในวันเดียว (จากราคาประมาณ 2.38 บาท เหลือเพียงไม่กี่สตางค์) และท้ายที่สุดถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้ถือหุ้นสามัญเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ถือหุ้นกู้หลายพันรายที่ต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้หลายชุด รวมมูลค่ากว่า 9.2 พันล้านบาท ซึ่งหลายรายได้รวมตัวกันดำเนินการทางกฎหมาย กรณีนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้ลงทุนในวงกว้างรวมเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท พร้อมทั้งสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีต่อตลาดทุนไทยอย่างมาก

ESG: เกราะป้องกันความเสี่ยงและความจำเป็นเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน

กรณีศึกษาข้างต้นสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การดำเนินธุรกิจโดยปราศจากความใส่ใจต่อ ESG นั้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนและย่อมส่งผลเสียต่อองค์กรในที่สุด การบูรณาการปัจจัย ESG เข้ากับกลยุทธ์องค์กรจึงไม่ใช่เพียง 'สิ่งที่ควรทำ' (nice-to-have) หรือเพื่อสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น แต่คือองค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) และเป็นปัจจัยชี้ขาดความสามารถในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว บริษัทที่ไม่ปรับตัวและเพิกเฉยต่อประเด็นเหล่านี้จะมีความเปราะบางมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจไม่สามารถอยู่รอดได้ในภูมิทัศน์ธุรกิจที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ

ส่องบริษัทไทย ESG: ผู้นำการเปลี่ยนแปลง

ท่ามกลางความตื่นตัวด้าน ESG บริษัทไทยจำนวนไม่น้อยได้แสดงวิสัยทัศน์และนำหลักการ ESG มาเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจ พิสูจน์ให้เห็นว่าการบูรณาการปัจจัยเหล่านี้สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม หลายบริษัทได้รับการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติให้อยู่ในทำเนียบบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืน ทั้งจาก SET ESG Ratings และดัชนีสากล นักลงทุนสามารถค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเหล่านี้ได้จากรายงานความยั่งยืนและแหล่งข้อมูลทางการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตัวอย่างบริษัทที่โดดเด่น อาทิ:

  • บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT): ได้รับการยอมรับด้านการบริหารจัดการความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนและสังคม

  • บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG): โดดเด่นในการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ในกระบวนการผลิต พัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง

  • ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBank): มีบทบาทในการส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) สนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการปรับตัวสู่ความยั่งยืน และมีนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและการดูแลพนักงานที่ชัดเจน

หมายเหตุ: การกล่าวถึงบริษัทข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเพื่อประกอบความเข้าใจ ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเอง

เริ่มลงทุน ESG: เลือกเครื่องมือ เข้าใจความเสี่ยง

เมื่อตระหนักถึงพลังและโอกาสของการลงทุน ESG หากคุณพร้อมจะเริ่มต้น นี่คือแนวทางและข้อควรพิจารณาสำหรับการลงทุน ESG ในประเทศไทย:

การลงทุน ESG เปิดกว้างสำหรับสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่จำกัดเพียงหุ้นรายตัวที่โดดเด่นด้านความยั่งยืน (เช่น บริษัทใน SET ESG Ratings) แต่ยังรวมถึงกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) กองทุนรวมอื่นที่มีนโยบาย ESG ชัดเจน และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bonds) สินทรัพย์แต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของราคาหุ้น ความเสี่ยงด้านเครดิตของตราสารหนี้ หรือนโยบายและค่าธรรมเนียมของกองทุนรวม นักลงทุนจึงควรศึกษาทำความเข้าใจในรายละเอียดของเครื่องมือแต่ละประเภทและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน

สิ่งที่ต้องพิจารณา:

  • การลงทุนมีความเสี่ยง: สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องตระหนักเสมอคือ การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง แม้ว่าบริษัทจะได้รับการประเมินว่ามีผลการดำเนินงานด้าน ESG ที่ดี หรืออยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนในบริษัทนั้นๆ จะให้ผลตอบแทนที่ดีหรือมีกำไรเสมอไป ปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาวะตลาด ผลประกอบการของบริษัทโดยรวม และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค ยังคงส่งผลต่อราคาและผลตอบแทนของการลงทุน

  • ศึกษาข้อมูล: ทำความรู้จักกับแนวคิด ESG แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น รายงานความยั่งยืนของบริษัท หรือข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานประเมินที่น่าเชื่อถือ

  • พิจารณาเครื่องมือลงทุน: เลือกประเภทสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หากคุณสงสัยว่าจะ ลงทุนในกองทุนไทย ESG อย่างไร สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ

  • ประเมินความเสี่ยง: ทำความเข้าใจความเสี่ยงเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ESG เช่น ความเสี่ยงของ Greenwashing ที่บริษัทอาจเพียงแค่สร้างภาพลักษณ์โดยไม่มีการดำเนินงานจริง ควรพิจารณาจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือและผลการดำเนินงานที่ตรวจสอบได้

  • ใช้พลังผู้ถือหุ้น (Shareholder Activism): ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณมีสิทธิและพลังในการมีส่วนร่วม ตรวจสอบ และตั้งคำถามกับทิศทางการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัท นี่คือบทบาทสำคัญของนักลงทุนในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในภาคธุรกิจไทย

ลงทุน ESG: ผลตอบแทนสองเด้งและพลังการตัดสินใจในมือคุณ

หลายคนอาจยังกังวลว่าการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัย ESG จะส่งผลให้ผลตอบแทนทางการเงินลดน้อยลง แต่ถ้าเราไตร่ตรองอย่างจริงจังแล้ว บริษัทที่ยึดมั่นในหลัก ESG มักแสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหนือกว่า สะท้อนพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ประสิทธิภาพสูง และศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน นักลงทุนไทยที่มองหาคุณค่าควบคู่ไปกับผลกำไร จึงสามารถคาดหวังประโยชน์จากการลงทุน ESG ได้ดังนี้

  • บริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น: ลดความเสี่ยงจากกฎระเบียบ ปัญหาแรงงาน หรือความเสียหายต่อชื่อเสียง ส่งผลดีต่อเสถียรภาพธุรกิจ

  • ประสิทธิภาพในการดำเนินงานสูงขึ้น: การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน

  • สร้างแบรนด์และชื่อเสียง: ดึงดูดลูกค้า พนักงาน และสร้างความภักดีระยะยาว

  • เข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น: นักลงทุนสถาบันให้ความสำคัญ ESG ทำให้บริษัทเข้าถึงเงินทุนได้หลากหลายและมีต้นทุนต่ำกว่า

การนำ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ จึงไม่เพียงยกระดับการตัดสินใจลงทุนให้รอบคอบและมองการณ์ไกล แต่ยังเป็นการลงทุนที่สร้าง "ผลตอบแทนสองเด้ง" อย่างแท้จริง นั่นคือ ทั้งกำไรทางการเงินและการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น

พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นที่ ‘การตัดสินใจ’ ของคุณ ในฐานะนักลงทุน ทุกการลงทุนไม่เพียงส่งผลต่อพอร์ตโฟลิโอการลงทุน แต่ยังร่วมกำหนดอนาคตของธุรกิจ สังคม และโลกใบนี้ นั่นย่อมหมายถึงความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับทางเลือกสำคัญ คุณจะยังคงลงทุนในแบบเดิมที่มุ่งผลตอบแทนระยะสั้น หรือจะเลือกใช้พลังแห่งเงินทุนของคุณอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investing) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ผลลัพธ์เชิงบวกที่ยั่งยืน ทั้งเพื่อผลตอบแทนที่ดีและเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของพวกเราทุกคน

สร้างอนาคต SME ไทย: ลงทุนหุ้นกู้ Crowdfunding

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้พลังของตนสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย การลงทุนในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มีศักยภาพและยึดมั่นในความยั่งยืน ถือเป็นอีกช่องทางที่ไม่ควรมองข้าม อินเวสทรี (ไทยแลนด์) ในฐานะแพลตฟอร์มหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเพื่อ SME ไทย มุ่งมั่นเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักลงทุนเช่นคุณ กับ SME คุณภาพที่พร้อมเติบโตและสร้างคุณค่าให้สังคมและสิ่งแวดล้อม การลงทุนในหุ้นกู้ Crowdfunding ไม่เพียงเปิดประตูสู่โอกาสรับผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังเป็นการส่งต่อพลังทุนสนับสนุนธุรกิจที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ร่วมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งและยั่งยืนจากฐานราก 

ขับเคลื่อนอนาคตที่ดีกว่าเพื่อ SME ไทยและสังคมของเรา ค้นพบโอกาสการลงทุนที่ตอบโจทย์คุณได้ที่ www.investree.co.th

การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ใดก็ตาม เว็บไซต์นั้นอาจจัดเก็บหรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของท่านซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของ cookie ข้อมูลเหล่านี้อาจเกี่ยวกับท่าน การตั้งค่าของท่าน อุปกรณ์ของท่าน หรือเพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานอย่างที่ท่านต้องการ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้โดยตรง แต่ช่วยให้ท่านใช้งานเว็บตามความต้องการส่วนบุคคลได้มากยิ่งขึ้น โดยที่เราเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน ท่านสามารถปิดการทำงานของ cookie บางประเภทได้ โปรดคลิกที่หัวข้อประเภทอื่นๆ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและเปลี่ยนการตั้งค่าเริ่มต้นในการใช้งาน cookie อย่างไรก็ตาม ท่านควรทราบว่าการปิดการทำงานของ cookie บางประเภทอาจส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์และบริการของเรา

ยอมรับทั้งหมด

จัดการการกำหนดลักษณะความยินยอม

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น
เปิดใช้งานตลอดเวลา

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย คุณสามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ได้ด้วยการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ แต่การตั้งค่าดังกล่าวอาจส่งผลต่อการทำงานของเว็บไซต์
รายละเอียดคุกกี้

คุกกี้ในส่วนการตลาด

คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อการนำเสนอบริการที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของผู้ใช้บริการแต่ละราย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานคุกกี้ชนิดนี้ สามารถดูได้ที่นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ยืนยันตัวเลือกของฉัน
Cookie Domain Description
XSRF-TOKEN www.investree.co.th คุกกี้นี้ตั้งค่าโดย Wix และใช้เพื่อความปลอดภัย
laravel_session www.investree.co.th laravel ใช้ laravel_session เพื่อระบุอินสแตนซ์ของเซสชันสำหรับผู้ใช้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้
_gat .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ได้รับการติดตั้งโดย Google Universal Analytics เพื่อจำกัดอัตราคำขอและจำกัดการรวบรวมข้อมูลบนไซต์ที่มีการเข้าชมสูง
_ga .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งติดตั้งโดย Google Analytics จะคำนวณข้อมูลผู้เข้าชม เซสชัน และแคมเปญ และยังติดตามการใช้งานไซต์สำหรับรายงานการวิเคราะห์ของไซต์ คุกกี้เก็บข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตนและกำหนดหมายเลขที่สร้างขึ้นแบบสุ่มเพื่อระบุผู้เยี่ยมชมที่ไม่ซ้ำ
_gid .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ติดตั้งโดย Google Analytics คุกกี้ _gid จะเก็บข้อมูลว่าผู้เยี่ยมชมใช้งานเว็บไซต์อย่างไร ในขณะเดียวกันก็สร้างรายงานการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วย ข้อมูลบางส่วนที่เก็บรวบรวม ได้แก่ จำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา และหน้าที่เข้าชมโดยไม่ระบุตัวตน

 

ลงทะเบียน | นักลงทุน 



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว เข้าสู่ระบบ

Syariah financing funding Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Personal Loan Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Business Loan Register



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Syariah Business Financing Register



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Referrer Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Issuer Registration



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว เข้าสู่ระบบ

Pendaftaran Reseller Financing



Sudah punya akun? Login

ลืมรหัสผ่าน

Loan Solutions

Choose what suits your needs


Personal loan for daily needs

Borrow Up to:
บาท 50.000.000
  • Home Improvement
  • Educational loans
  • Vacation Loan
  • Wedding Loans
  • Medical Fees
  • Umroh's Journey
Make Your Dreams Come True

Business Loans as an Invoice Financing solution

Borrow Up to:
บาท 2.000.000.000
  • Interest ranging from 14%
  • Full funding within 72 hours
  • Transparent
Make Your Dreams Come True