หุ้นกู้ Crowdfunding คืออะไร? น่าลงทุนไหม? รวมทุกเรื่องที่นักลงทุนต้องรู้
ในยุคที่การลงทุนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในตลาดหุ้นหรือกองทุนรวมอีกต่อไป หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง (Crowdfunding) ได้กลายเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่มองหาโอกาสสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ และสม่ำเสมอตามที่กำหนดไว้ แต่ก่อนที่จะตัดสินใจว่าหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ดีไหม? บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกทุกแง่มุม เพื่อให้คุณตัดสินใจลงทุนได้อย่างมั่นใจและรอบด้าน โดยครอบคลุมประเด็นสำคัญดังนี้:
หุ้นกู้ Crowdfunding vs. หุ้นกู้ทั่วไป: ความเหมือนที่แตกต่าง รู้จักให้ชัดก่อนตัดสินใจ
หุ้นกู้คืออะไร? เข้าใจให้ชัดก่อนไปที่ Crowdfunding
หุ้นกู้ คือตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทเอกชนเพื่อระดมทุนจากนักลงทุน แทนการขอสินเชื่อจากธนาคาร โดยนักลงทุนที่ซื้อหุ้นกู้จะมีสถานะเป็น "เจ้าหนี้" ของบริษัท และบริษัทผู้ออกหุ้นกู้มีหน้าที่ต้องชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยตามกำหนดเวลาที่ตกลงกันไว้
โดยสรุปแล้ว หุ้นกู้ทำหน้าที่เป็นแหล่งเงินทุนสำหรับบริษัทและเป็นช่องทางการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนตามที่ตกลงกันไว้แก่นักลงทุน
หุ้นกู้ Crowdfunding คืออะไร? ต่างจากหุ้นกู้ทั่วไปอย่างไร?
กลไกการระดมทุนออกหุ้นกู้มีข้อกำหนดและมาตรฐานที่สูงและเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุณสมบัติของผู้ออกหุ้นกู้, การจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating), ไปจนถึงการเสนอขายแก่นักลงทุน (Public Offering) ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้มีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้การออกหุ้นกู้ทั่วไปมักจำกัดอยู่ในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่
แต่เพื่อให้บริษัททั่วไป โดยเฉพาะธุรกิจธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง อย่าง SME และ Startup ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของเศรษฐกิจสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนนี้ได้เช่นกัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงได้กำหนดหลักเกณฑ์ "หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง" ขึ้นมา เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้ธุรกิจเหล่านี้สามารถระดมทุนออกหุ้นกู้ได้เช่นเดียวกับบริษัทขนาดใหญ่ โดยไม่สร้างภาระและต้นทุนที่มากเกินไปแก่กิจการขนาดเล็ก แต่ยังคงมีกลไกคุ้มครองนักลงทุนที่เหมาะสม
การเข้าใจถึงจุดประสงค์และที่มาของหลักเกณฑ์การระดมทุนออกหุ้นกู้ทั่วไปและหุ้นกู้ Crowdfunding จะช่วยให้นักลงทุนเข้าใจความแตกต่างที่สำคัญของหุ้นกู้ทั้งสองประเภท ซึ่งสรุปเป็นประเด็นสำคัญดังนี้
ตารางเปรียบเทียบ หุ้นกู้ Crowdfunding vs. หุ้นกู้ทั่วไป
|
ลักษณะเปรียบเทียบ |
หุ้นกู้ Crowdfunding |
หุ้นกู้ |
|---|---|---|
|
ผู้ออกหุ้นกู้ |
SME หรือ Startup |
บริษัทขนาดใหญ่ที่มีระบบบัญชีและข้อมูลที่เป็นมาตรฐาน |
|
ผู้ดำเนินการพิจารณาคุณสมบัติ |
ผู้ให้บริการระบบคราวด์ฟันดิง |
สำนักกงาน ก.ล.ต. เป็นผู้พิจารณาอนุมัติหลัก โดยมีที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) และผู้รับประกันการจัดจำหน่าย (Underwriter) เข้าร่วมในการประเมิน
|
|
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาคุณสมบัติ |
ตามข้อกำหนดและกระบวนการคัดกรองของแต่ละ Platform |
ตามเกณฑ์ธรรมาภิบาล คุณสมบัติทางการเงิน และโครงสร้างองค์กรที่ ก.ล.ต. กำหนด |
|
การวิเคราะห์และจัดอันดับความน่าเชื่อถือ |
Crowdfunding Platformเป้นผู้วิเคราะห์และจัดอันดับผู้ และไม่มีการจัดอันดับจากสถาบันภายนอก (Unrated) |
ได้รับการจัดอันดับ (Rated) จากสถาบันจัดอันดับที่ ก.ล.ต. รับรอง ปัจจุบัน มี 2 บริษัท ได้แก่ ทริสเรทติ้ง (TRIS) และ บริษัทฟิทช์เรทติ้งส์ (Fitch) |
|
การเปิดเผยข้อมูล |
|
|
|
ช่องทางการเสนอขาย |
Crowdfunding Platform |
Public Offering ผ่านผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ (บริษัทหลักทรัพย์ หรือธนาคาร) |
|
สภาพคล่อง |
ไม่มีตลาดรอง |
มีตลาดรองรับการซื้อขาย แต่สภาพคล่องจะขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นของหุ้นกู้ |
-
ความเสี่ยงด้านเครดิตที่สูงขึ้น (Higher Credit Risk) คือความเสี่ยงหลักที่ผู้ออกหุ้นกู้อาจไม่สามารถชำระคืนดอกเบี้ยหรือเงินต้นได้ (Default Risk) ซึ่งสำหรับ SME ความเสี่ยงนี้สูงขึ้นจากความเปราะบางทางธุรกิจและโครงสร้างทางการเงินที่อาจไม่แข็งแรงเท่าบริษัทขนาดใหญ่ และนี่คือเหตุผลที่กระบวนการคัดกรองและประเมินความน่าเชื่อถือ (Credit Assessment) ของ Funding Portal เข้ามามีความสำคัญอย่างยิ่งในการทำหน้าที่เป็นด่านแรกเพื่อประเมินศักยภาพและกลั่นกรองความเสี่ยงให้กับนักลงทุน
-
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) คือข้อจำกัดที่ชัดเจนที่สุดเนื่องจากหุ้นกู้ Crowdfunding ไม่มีตลาดรอง ทำให้การเปลี่ยนหุ้นกู้เป็นเงินสดก่อนครบกำหนดเป็นไปไม่ได้หรือทำได้ยากมาก หากคุณต้องการใช้เงินก้อนที่ลงทุนไปเลย เงินลงทุนของคุณถูก "ล็อก" ไว้ตามระยะเวลาของสัญญา
-
ความเสี่ยงเฉพาะตัวของธุรกิจ SME (SME-Specific Risks) นอกเหนือจากความเสี่ยงทางการเงิน ยังมีความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่ต้องพิจารณา เช่น:
-
การพึ่งพิงผู้บริหารหลัก (Key Person Risk): หากผู้บริหารหรือเจ้าของซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจไม่สามารถปฏิบัติงานได้ อาจทำให้ธุรกิจหยุดชะงักหรือสูญเสียทิศทาง
-
การกระจุกตัวของธุรกิจ (Concentration Risk): ลองนึกภาพ SME ที่มีรายได้หลักจากการส่งออกสินค้าให้ลูกค้ารายใหญ่เพียงรายเดียว หากลูกค้ารายนั้นยกเลิกคำสั่งซื้อ อาจกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ
-
ความโปร่งใสของข้อมูลที่อาจมีจำกัด (Information Asymmetry): ข้อมูลของ SME อาจไม่ละเอียดหรือเป็นมาตรฐานเท่าข้อมูลของบริษัทขนาดใหญ่ ทำให้นักลงทุนต้องใช้ความพยายามมากขึ้นในการวิเคราะห์
-
-
ความเสี่ยงจากการที่หุ้นกู้ไม่ได้รับการจัดอันดับโดยสถาบันจัดอันดับเครดิตอิสระ (Unrated): เช่น TRIS, Fitch ทำให้นักลงทุนไม่มีเครื่องมือที่เป็นมาตรฐานสากลมาใช้เปรียบเทียบระดับความเสี่ยงด้านเครดิต
ดังนั้น นักลงทุนจึงได้รับข้อมูลการประเมินความเสี่ยงจาก Crowdfunding Platform เท่านั้น ทำให้ภาระของนักลงทุนเปลี่ยนไป จากเดิมที่พิจารณาอันดับเครดิตที่เป็นมาตรฐาน มาเป็นการ ทำความเข้าใจและเชื่อมั่นในกระบวนการประเมินของ Platform ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์ข้อมูลของ SME ด้วยตนเอง (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางการประเมินของอินเวสทรีได้ ที่นี่) ดังนั้น การเลือกใช้บริการ Funding Portal ที่มีกระบวนการคัดกรองที่โปร่งใสและเชื่อถือได้จึงเป็นหัวใจสำคัญของการลงทุนในหุ้นกู้ Crowdfunding
ทำไมหุ้นกู้ Crowdfunding ถึงกำหนด "วงเงินลงทุนสูงสุด"?
ด้วยหลักเกณฑ์และความเสี่ยงเฉพาะตัวของหุ้นกู้ Crowdfunding ก.ล.ต. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแล จึงได้วางกรอบการลงทุนเพื่อสร้างสมดุลระหว่างการส่งเสริม SME และการดูแลนักลงทุน โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ผ่านการกำหนด "วงเงินลงทุนสูงสุด" (Investment Cap)
เพดานการลงทุนนี้ไม่ได้มีขึ้นเพื่อจำกัดโอกาสการลงทุน แต่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือช่วยบริหารความเสี่ยงของนักลงทุนจากการลงทุนที่กระจุกตัวในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงและไร้สภาพคล่อง
|
ประเภทนักลงทุน |
วงเงินลงทุนในหุ้นกู้ Crowdfunding |
|
Retail investor |
ไม่เกิน 100,000 บาทต่อบริษัท และรวมกันทุกบริษัท/ทุก Platform ไม่เกิน 1,000,000 บาท ในรอบ 12 เดือน (นับรวมทั้งหุ้นและหุ้นกู้ Crowdfunding ) |
|
Non-retail investor เช่น นักลงทุนรายใหญ่, นักลงทุนรายใหญ่พิเศษ, นักลงทุนสถาบัน, นักลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ |
ไม่จำกัดจำนวนเงิน (เนื่องจากมีความรู้ ประสบการณ์ และฐานะทางการเงินที่สามารถประเมินและรับความเสี่ยงสูงได้ด้วยตนเอง) |
(หมายเหตุ: ข้อมูลอาจเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบประกาศล่าสุดจาก ก.ล.ต. เสมอ)
หุ้นกู้ Crowdfunding ใช่สำหรับนักลงทุนแบบไหน?
จากข้อมูลความเสี่ยงและกรอบการลงทุนที่กล่าวมา ทำให้เห็นว่าหุ้นกู้ Crowdfunding ไม่ใช่การลงทุนสำหรับทุกคน แต่จะเหมาะกับนักลงทุนที่
-
มีความรู้และประสบการณ์ในการลงทุน โดยเฉพาะความเข้าใจในตราสารหนี้และสามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงของธุรกิจ SME ได้ด้วยตนเอง
-
ยอมรับความเสี่ยงสูงและโอกาสที่จะสูญเสียเงินลงทุนได้
-
ต้องการกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Assets) เพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุน
-
ผ่านการประเมินคุณสมบัติตามเกณฑ์ของ Crowdfunding Platform ซึ่งรวมถึงการทำ KYC, แบบประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) และแบบประเมินความรู้ (Knowledge Assessment)
เช็กลิสต์สำคัญ 5 ข้อ ก่อนตัดสินใจลงทุน มีอะไรบ้าง?
เพื่อให้การตัดสินใจลงทุนของคุณรอบคอบยิ่งขึ้น ลองใช้เช็กลิสต์นี้ถามตัวเองก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง:
-
สภาพคล่องและระยะเวลาลงทุน: คุณรับได้กับการลงทุนที่ไม่มีสภาพคล่องและพร้อมจะถือครองเงินลงทุนไปจนครบกำหนดอายุสัญญา (เช่น 1-24 เดือน) ใช่หรือไม่?
-
การวิเคราะห์ข้อมูลผู้ออกหุ้นกู้: คุณได้ศึกษาข้อมูลของ SME ผู้ออกหุ้นกู้เพียงพอแล้วหรือยัง และตระหนักดีว่าหุ้นกู้ Crowdfunding เป็น Unrated Note
-
ความสมเหตุสมผลของผลตอบแทน: อัตราดอกเบี้ยคุ้มค่ากับระดับความเสี่ยงของคุณหรือไม่?
-
ค่าธรรมเนียมและภาระภาษี: คุณเข้าใจโครงสร้างค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องและภาระภาษีหัก ณ ที่จ่ายแล้วใช่หรือไม่?
-
กลยุทธ์การกระจายความเสี่ยง: คุณได้กำหนดสัดส่วนการลงทุนในหุ้นกู้ Crowdfunding ให้เหมาะสมกับพอร์ตโดยรวมแล้วหรือยัง?
อยากลงทุนหุ้นกู้ Crowdfunding ? เริ่มต้นอย่างไร?
การเริ่มต้นลงทุนในหุ้นกู้ Crowdfunding มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อน โดยหลักมีดังนี้:
-
ศึกษาและเลือกCrowdfunding Platform ที่น่าเชื่อถือและเหมาะกับคุณ โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อได้จาก เว็บไซต์ ก.ล.ต.
-
ลงทะเบียนนักลงทุนตามขั้นตอนของแต่ละ Platform และทำแบบประเมินความเหมาะสมในการลงทุน (Suitability Test) และแบบทดสอบความรู้ (Knowledge Test) ซึ่งเป็นขั้นตอนบังคับตามเกณฑ์ของ ก.ล.ต.
-
ติดตามสถานะการลงทุนและสถานะการชำระคืนค่าหุ้นกู้อย่างสม่ำเสมอผ่าน Platform
หากผู้ออกหุ้นกู้ประสบปัญหาในการชำระหนี้ Platform จะเป็นผู้ประสานงานและแจ้งข้อมูลให้นักลงทุนทราบถึงแนวทางการดำเนินการต่อไป รายละเอียดอ่านได้ที่นี่
บทสรุป
สรุปข้อดีและข้อจำกัด: หุ้นกู้ Crowdfunding ดีไหม?
การตัดสินใจว่าหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ดีไหม? ขึ้นอยู่กับความเข้าใจในข้อดีและข้อจำกัดที่มาพร้อมกัน นี่คือสรุปสาระสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้:
ตารางสรุปข้อดีและข้อจำกัด หุ้นกู้ Crowdfunding
|
ข้อดี |
ข้อจำกัด |
|
ผลตอบแทน: มีโอกาสได้รับผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ หรือสูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไป |
ความเสี่ยง: มีโอกาสผิดนัดชำระหนี้หรือสูญเงินต้นและผลตอบแทนได้ทั้งจำนวน เช่นเดียวกับหุ้นกู้ทั่วไป ทั้งนี้ท่านสามารถศึกษาและตรวจสอบรายชื่อบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ที่มีประวัติผิดนัดชำระได้ที่
ข้อมูลสถิติการเสนอขายและการผิดนัดชำระหุ้นกู้ Crowdfunding ที่เว็บไซท์ของแต่ละ Platform (ตรวจสอบของ อินเวสทรี ได้ที่นี่) |
|
ระยะเวลาลงทุน: ค่อนข้างสั้น คือ เริ่มต้น 45 วัน สูงสุดไม่เกิน 2 ปี |
สภาพคล่อง: ไม่มีตลาดรองในการซื้อขายเปลี่ยนมือ นักลงทุนต้องถือจนครบกำหนดเท่านั้น |
|
เงินลงทุนเริ่มต้น: ขึ้นกับแต่ละ Platform กำหนด สำหรับอินเวสทรี (ไทยแลนด์) เริ่มต้น 50,000 บาท |
เพดานลงทุน: มีการกำหนดวงเงินลงทุนสูงสุดสำหรับนักลงทุนรายย่อยตามเกณฑ์ ก.ล.ต. คือ 100,000 บาทต่อบริษัท และรวมกันทุกบริษัท/ทุก Platform ไม่เกิน 1,000,000 บาท ในรอบ 12 เดือน |
โดยสรุปคือ หุ้นกู้ Crowdfunding เป็นเครื่องมือการลงทุนที่มอบโอกาสรับผลตอบแทนที่น่าสนใจและเปิดโอกาสให้ได้สนับสนุนธุรกิจ SME โดยตรง แต่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงกว่าหุ้นกู้ทั่วไปอย่างมีนัยสำคัญ
กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จในการลงทุนประเภทนี้คือ การศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด, การประเมินความเสี่ยงด้วยตนเองอย่างรอบคอบ, และการลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสมกับพอร์ตโดยรวม เพื่อให้การลงทุนครั้งนี้เป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดและสอดคล้องกับเป้าหมายทางการเงินของคุณอย่างแท้จริง
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูล ทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องก่อนตัดสินใจลงทุน




