หุ้นกู้ คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน

ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารต่ำเตี้ยเรี่ยดิน การเติบโตเงินออมจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ในการออม และ หุ้นกู้ จึงกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้มักสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และ เป็นตามสัญญาจึงทำให้มีความชัดเจน ไม่ผันผวนในด้านผลตอบแทน 

บทความนี้ มุ่งหวังที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับหุ้นกู้ที่นักลงทุนมักสงสัยเพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเลือกหุ้นกู้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้

หุ้นกู้คืออะไร?

หุ้นกู้ คือ ตราสารหนี้ประเภทหนึ่ง ออกโดยบริษัทเอกชนเพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจ เช่น เพิ่มสภาพคล่อง หรือ ขยายธุรกิจ เป็นต้น บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะกำหนดอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate) และ ระยะเวลาการกู้ยืมที่ชัดเจน (Maturity) เมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นกู้ของบริษัท นักลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ย และ เมื่อครบกำหนดอายุหุ้นกู้ บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะคืนเงินค่สหุ้นกู้ให้กับนักลงทุน

เพราะฉนั้น เมื่อบริษัทออกหุ้นกู้ บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะมีสถาณะเป็นลูกหนี้ และ เมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นกู้ของบริษัท นักลงทุนจะมีสถาณะเป็นเจ้าหนี้

ส่วนตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะเรียกว่าพันธบัตร ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นกู้เพราะผู้ออกตราสารหนี้มีความมั่นคงและไม่น่าที่จะชำระคืนล่าช้าหรือเบี้ยวหนี้ ตัวอย่างพันธบัตรได้แก่ พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง  พันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ พันธบัตรของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น

หุ้นกู้มีกี่ประเภท?

หุ้นกู้มีหลายประเภท สามารถแบ่งตามลักษณะของหุ้นกู้ได้หลักๆ ดังนี้

อายุหุ้นกู้

​อายุของหุ้นกู้ซึ่งสามารถจัดแบ่งประเภทได้ดังนี้

  • หุ้นกู้ระยะสั้น (Short Term Bonds) มักมีอายุไม่เกินสามปี 

  • หุ้นกู้ระยะกลาง (Medium Term Bonds) มักมีอายุไม่เกินสิบปี

  • หุ้นกู้ระยะยาว (Long Term Bonds) มักมีอายุเกินสิบปี

  • หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ (Perpetual Bond) คือหุ้นกู้ที่ไม่มีกำหนดวันไถ่ถอน นักลงทุนสามารถถือครองได้ตลอดไปจนกว่าบริษัทจะเลิกกิจการ

บริษัทผู้ออกหุ้นกู้

  • หุ้นกู้ (Corporate Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัททั่วไป การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยงมากกว่าฝากเงินกับธนาคาร จึงมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีเงินฝากด้วยความเสี่ยงสูงกว่า

  • หุ้นกู้ดอกเบี้ยสูง (High-Yield Corporate Bonds) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Junk Bonds คือ หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระ (ความเสี่ยงด้านเครดิต) ด้วยเหตุนี้ อัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนของหุ้นกู้ชนิดนี้จึงสูงตามระดับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน 

    • ตัวอย่างของ High-Yield Corporate Bonds คือ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง (Crowdfunding Bonds) หุ้นกู้ชนิดนี้ออกโดยบริษัทขนาดเล็กกลาง (SMEs) ผ่าน Funding Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจาก กลต.

อัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้

  • หุ้นกู้ที่ให้ดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed-rate Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ให้อัตราผลตอบแทนคงที่ตลอดอายุหุ้นกู้ ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจหรืออัตราดอกเบี้ยสากลจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร

  • หุ้นกู้ที่ให้ดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating rate Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ให้อัตราผลตอบแทนอิงกับอัตราดอกเบี้ย ดัชนี หรือตัวชี้วัดอี่นๆ

การชำระคืนเงินต้นและผลตอบแทนหุ้นกู้

  • หุ้นกู้ประเภทจ่ายคืนเพียงครั้งเดียว (Bullet Bonds) คือ หุ้นกู้ที่จะชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยพร้อมกันครั้งเดียว ณ วันที่ครบกำหนดไถ่ถอนตามสัญญา

  • หุ้นกู้ประเภททยอยจ่ายคืน (Amortizing Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ที่จะชำระคืนเงินต้นควบคู่ไปกับการจ่ายดอกเบี้ย ตามกำหนดระยะเวลาของการลงทุนตามสัญญา

สิทธิเรียกร้องการชำระหนี้หุ้นกู้

  • หุ้นกู้มีหลักประกัน (Secured Bonds) คือ หุ้นกู้ที่บริษัทผู้ออกหุ้นกุ้ได้นำสินทรัพย์มาค้ำประกันในการออกหุ้นกู้ ในกรณีที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นักลงทุนมีสิทธิในสินทรัพย์ที่ค้ำประกันตามลำดับสิทธิและเงื่อนไขของหุ้นกู้นั้นๆ ตัวอย่างสินทรัพย์ค้ำประกัน ได้แก่ ที่ดิน หรือ อาคาร

  • หุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ไม่มีสินทรัพย์ใดๆเป็นหลักประกันในกรณีที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นักลงทุนมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้หลังเจ้าหนี้รายอื่นที่มีหลักประกัน โดยส่วนใหญ่ หุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกันจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าหุ้นกู้ที่มีหลักประกันตามความเสี่ยงที่สูงขึ้น

เงื่อนไขพิเศษ

  • หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bonds) คือ หุ้นกู้ที่สามารถเปลี่ยนเป็นหุ้นได้ในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่กำหนด หุ้นกู้แปลงสภาพมักมีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหุ้นกู้อื่นๆ เพราะนักลงทุนมีโอกาสทำกำไรจากการเป็นเจ้าของหุ้นในอนาคต

  • หุ้นกู้ที่ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิเรียกไถ่ถอนก่อนกำหนด (Callable Bonds) คือ หุ้นกู้ที่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนหรือเรียกคืนหุ้นกู้ พร้อมจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับผู้ถือหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดสัญญาหุ้นกู้ 

  • หุ้นกู้ที่ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด (Puttable Bonds) คือหุ้นกู้ที่ให้สิทธิแก่นักลงทุนในการขายหุ้นกู้คืนให้กับบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ก่อนที่จะถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน

การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยงมั้ย?

การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยง ซึ่งสามารถแบ่งเป็นหัวข้อหลัก ได้ดังนี้

  • ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit หรือ Default Risk) หรือ ความเสี่ยงที่บริษัทออกหุ้นกู้จะผิดนัดชำระดอกเบี้ยและ/หรือเงินต้น จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนสามารถทำได้เพื่อประเมินความเสี่ยงคือการศึกษาข้อมูลบริษัท แนวโน้มธุรกิจ แนวโน้มตลาด วิธีบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ รวมถึงความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร ประกอบกับการดูอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) เพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุน

    • อันดับความน่าเชื่อถือ คือ การประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของบุคคลหรือองค์กรโดยหน่วยงานที่เรียกว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

    • การจัดอันดับจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น สถานะทางการเงิน ประวัติการชำระหนี้ ศักยภาพในการทำกำไร โครงสร้างธุรกิจ และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

    • อันดับความน่าเชื่อถือมีสองประเภท ได้แก่ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ และ อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้

    • ทั้งนี้ อันดับความน่าเชื่อถือไม่ใช่ตัวบ่งชี้หรือชี้วัดที่สมบูรณ์ และ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์หรือสถานการ์ณที่สามารถส่งผลกระทบถึงความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท

  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหุ้นกู้ (Liquidity Risk) พบได้ในหุ้นกู้บางประเภทที่ไม่มีตลาดรองรองรับ ยกตัวอย่างเช่น หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง หรือ หุ้นกู้บางประเภทที่อาจไม่เป็นที่นิยมและไม่สามารถขายต่อได้ในตลาดรอง

  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (interest Rate Risk) สามารถทำให้ราคาหุ้นกู้ลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้น เหตุกร์ณนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อนักลงทุนขายหุ้นกู้ในตลาดรองก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน

  • ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ (Infaltion Risk) สามารถกัดกินผลตอบแทนที่แท้จริงของหุ้นกู้

หาข้อมูลหุ้นกู้ออกใหม่ได้ที่ไหน?

นักลงทุนสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นกู้ออกใหม่ได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ ThaiBMA

อยากเริ่มลงทุนในหุ้นกู้ ต้องทำอะไรบ้าง?

  • พิจารณาเป้าหมายการลงทุน ระยะเวลา ระดับความเสี่ยง และผลตอบแทนที่ต้องการ

  • ศึกษาหุ้นกู้ที่สนใจ วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน สถานะธุรกิจ ความเสี่ยง ผลตอบแทน และ ความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้

  • เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกู้กับบริษัทหลักทรัพย์

  • หลังจากได้ซื้อหุ้นกู้แล้ว ติดตามการจ่ายดอกเบี้ยตามกำหนด

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ลองมาตอบคำถามที่นักลงทุนควรตอบได้ก่อนตัดสินใจลงทุนให้หุ้นกู้

  • หุ้นกู้ที่สนใจเป็นหุ้นกู้ประเภทไหน?

  • ใครคือผู้ออกหุ้นกู้?

  • หุ้นกู้นี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่? 

  • หุ้นกู้นี้มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

  • ผลตอบแทนของหุ้นกู้นี้เปรียบเทียบกับเงินฝากแล้วเป็นอย่างไร?

  • สามารถซื้อขายหุ้นกู้นี้ในตลาดรองได้หรือไม่?

  • ภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยของหุ้นกู้นี้เป็นอย่างไร?

  • หุ้นกู้ vs หุ้น อะไรมีความเสี่ยงมากกว่ากัน?

  • กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกู้ที่ดีคืออะไร?

  • มีข่าวอะไรใหม่เกี่ยวกับผู้ออกหุ้นกู้บ้าง?

 

สุดท้ายนี้ นักลงทุนควรศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุนในหุ้นกู้เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม และควรหมั่นตรวจสอบสถานะการดำเนินงานของบริษัทหรือองค์กรที่เป็นเจ้าของหุ้นกู้อยู่เสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนและคุ้มครองเงินลงทุนของผู้ลงทุนให้ได้มากที่สุด



หุ้นกู้ คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน

ในยุคที่อัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารต่ำเตี้ยเรี่ยดิน การเติบโตเงินออมจึงเป็นเรื่องที่ท้าทาย นักลงทุนจำนวนไม่น้อยเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ในการออม และ หุ้นกู้ จึงกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้มักสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากธนาคาร และ เป็นตามสัญญาจึงทำให้มีความชัดเจน ไม่ผันผวนในด้านผลตอบแทน 

บทความนี้ มุ่งหวังที่จะตอบคำถามเกี่ยวกับหุ้นกู้ที่นักลงทุนมักสงสัยเพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเลือกหุ้นกู้ให้เหมาะสมกับเป้าหมายและความเสี่ยงที่รับได้

หุ้นกู้คืออะไร?

หุ้นกู้ คือ ตราสารหนี้ประเภทหนึ่ง ออกโดยบริษัทเอกชนเพื่อนำไปต่อยอดทางธุรกิจ เช่น เพิ่มสภาพคล่อง หรือ ขยายธุรกิจ เป็นต้น บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะกำหนดอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate) และ ระยะเวลาการกู้ยืมที่ชัดเจน (Maturity) เมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นกู้ของบริษัท นักลงทุนก็จะได้รับผลตอบแทนจากดอกเบี้ย และ เมื่อครบกำหนดอายุหุ้นกู้ บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะคืนเงินค่สหุ้นกู้ให้กับนักลงทุน

เพราะฉนั้น เมื่อบริษัทออกหุ้นกู้ บริษัทผู้ออกหุ้นกู้จะมีสถาณะเป็นลูกหนี้ และ เมื่อนักลงทุนซื้อหุ้นกู้ของบริษัท นักลงทุนจะมีสถาณะเป็นเจ้าหนี้

ส่วนตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ หรือ ธนาคารแห่งประเทศไทย จะเรียกว่าพันธบัตร ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้นกู้เพราะผู้ออกตราสารหนี้มีความมั่นคงและไม่น่าที่จะชำระคืนล่าช้าหรือเบี้ยวหนี้ ตัวอย่างพันธบัตรได้แก่ พันธบัตรออมทรัพย์ของกระทรวงการคลัง  พันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ พันธบัตรของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เป็นต้น

หุ้นกู้มีกี่ประเภท?

หุ้นกู้มีหลายประเภท สามารถแบ่งตามลักษณะของหุ้นกู้ได้หลักๆ ดังนี้

อายุหุ้นกู้

​อายุของหุ้นกู้ซึ่งสามารถจัดแบ่งประเภทได้ดังนี้

  • หุ้นกู้ระยะสั้น (Short Term Bonds) มักมีอายุไม่เกินสามปี 

  • หุ้นกู้ระยะกลาง (Medium Term Bonds) มักมีอายุไม่เกินสิบปี

  • หุ้นกู้ระยะยาว (Long Term Bonds) มักมีอายุเกินสิบปี

  • หุ้นกู้ชั่วนิรันดร์ (Perpetual Bond) คือหุ้นกู้ที่ไม่มีกำหนดวันไถ่ถอน นักลงทุนสามารถถือครองได้ตลอดไปจนกว่าบริษัทจะเลิกกิจการ

บริษัทผู้ออกหุ้นกู้

  • หุ้นกู้ (Corporate Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัททั่วไป การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยงมากกว่าฝากเงินกับธนาคาร จึงมักให้ผลตอบแทนสูงกว่าบัญชีเงินฝากด้วยความเสี่ยงสูงกว่า

  • หุ้นกู้ดอกเบี้ยสูง (High-Yield Corporate Bonds) หรือที่เรียกอีกชื่อว่า Junk Bonds คือ หุ้นกู้ที่ออกโดยบริษัทที่มีความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระ (ความเสี่ยงด้านเครดิต) ด้วยเหตุนี้ อัตราดอกเบี้ยผลตอบแทนของหุ้นกู้ชนิดนี้จึงสูงตามระดับความเสี่ยงที่สูงเช่นกัน 

    • ตัวอย่างของ High-Yield Corporate Bonds คือ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง (Crowdfunding Bonds) หุ้นกู้ชนิดนี้ออกโดยบริษัทขนาดเล็กกลาง (SMEs) ผ่าน Funding Portal ที่ได้รับความเห็นชอบจาก กลต.

อัตราผลตอบแทนของหุ้นกู้

  • หุ้นกู้ที่ให้ดอกเบี้ยแบบคงที่ (Fixed-rate Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ให้อัตราผลตอบแทนคงที่ตลอดอายุหุ้นกู้ ไม่ว่าสภาวะเศรษฐกิจหรืออัตราดอกเบี้ยสากลจะเปลี่ยนแปลงอย่างไร

  • หุ้นกู้ที่ให้ดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating rate Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ให้อัตราผลตอบแทนอิงกับอัตราดอกเบี้ย ดัชนี หรือตัวชี้วัดอี่นๆ

การชำระคืนเงินต้นและผลตอบแทนหุ้นกู้

  • หุ้นกู้ประเภทจ่ายคืนเพียงครั้งเดียว (Bullet Bonds) คือ หุ้นกู้ที่จะชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยพร้อมกันครั้งเดียว ณ วันที่ครบกำหนดไถ่ถอนตามสัญญา

  • หุ้นกู้ประเภททยอยจ่ายคืน (Amortizing Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ที่จะชำระคืนเงินต้นควบคู่ไปกับการจ่ายดอกเบี้ย ตามกำหนดระยะเวลาของการลงทุนตามสัญญา

สิทธิเรียกร้องการชำระหนี้หุ้นกู้

  • หุ้นกู้มีหลักประกัน (Secured Bonds) คือ หุ้นกู้ที่บริษัทผู้ออกหุ้นกุ้ได้นำสินทรัพย์มาค้ำประกันในการออกหุ้นกู้ ในกรณีที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นักลงทุนมีสิทธิในสินทรัพย์ที่ค้ำประกันตามลำดับสิทธิและเงื่อนไขของหุ้นกู้นั้นๆ ตัวอย่างสินทรัพย์ค้ำประกัน ได้แก่ ที่ดิน หรือ อาคาร

  • หุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Bonds) คือ หุ้นกู้ที่ไม่มีสินทรัพย์ใดๆเป็นหลักประกันในกรณีที่บริษัทที่ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนด นักลงทุนมีสิทธิ์ได้รับชำระหนี้หลังเจ้าหนี้รายอื่นที่มีหลักประกัน โดยส่วนใหญ่ หุ้นกู้ที่ไม่มีหลักประกันจะมีอัตราดอกเบี้ยที่สูงกว่าหุ้นกู้ที่มีหลักประกันตามความเสี่ยงที่สูงขึ้น

เงื่อนไขพิเศษ

  • หุ้นกู้แปลงสภาพ (Convertible Bonds) คือ หุ้นกู้ที่สามารถเปลี่ยนเป็นหุ้นได้ในระยะเวลาและตามเงื่อนไขที่กำหนด หุ้นกู้แปลงสภาพมักมีอัตราผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหุ้นกู้อื่นๆ เพราะนักลงทุนมีโอกาสทำกำไรจากการเป็นเจ้าของหุ้นในอนาคต

  • หุ้นกู้ที่ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิเรียกไถ่ถอนก่อนกำหนด (Callable Bonds) คือ หุ้นกู้ที่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้สามารถไถ่ถอนหรือเรียกคืนหุ้นกู้ พร้อมจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยให้กับผู้ถือหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดสัญญาหุ้นกู้ 

  • หุ้นกู้ที่ผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนก่อนกำหนด (Puttable Bonds) คือหุ้นกู้ที่ให้สิทธิแก่นักลงทุนในการขายหุ้นกู้คืนให้กับบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ก่อนที่จะถึงวันครบกำหนดไถ่ถอน

การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยงมั้ย?

การลงทุนในหุ้นกู้มีความเสี่ยง ซึ่งสามารถแบ่งเป็นหัวข้อหลัก ได้ดังนี้

  • ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit หรือ Default Risk) หรือ ความเสี่ยงที่บริษัทออกหุ้นกู้จะผิดนัดชำระดอกเบี้ยและ/หรือเงินต้น จะด้วยสาเหตุใดก็ตาม สิ่งที่นักลงทุนสามารถทำได้เพื่อประเมินความเสี่ยงคือการศึกษาข้อมูลบริษัท แนวโน้มธุรกิจ แนวโน้มตลาด วิธีบริหารจัดการความเสี่ยงของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ รวมถึงความน่าเชื่อถือของผู้บริหาร ประกอบกับการดูอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating) เพื่อช่วยในการตัดสินใจลงทุน

    • อันดับความน่าเชื่อถือ คือ การประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของบุคคลหรือองค์กรโดยหน่วยงานที่เรียกว่า สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ (Credit Rating Agency) ที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)

    • การจัดอันดับจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น สถานะทางการเงิน ประวัติการชำระหนี้ ศักยภาพในการทำกำไร โครงสร้างธุรกิจ และความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

    • อันดับความน่าเชื่อถือมีสองประเภท ได้แก่ อันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ และ อันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้

    • ทั้งนี้ อันดับความน่าเชื่อถือไม่ใช่ตัวบ่งชี้หรือชี้วัดที่สมบูรณ์ และ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับเหตุการณ์หรือสถานการ์ณที่สามารถส่งผลกระทบถึงความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัท

  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของหุ้นกู้ (Liquidity Risk) พบได้ในหุ้นกู้บางประเภทที่ไม่มีตลาดรองรองรับ ยกตัวอย่างเช่น หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง หรือ หุ้นกู้บางประเภทที่อาจไม่เป็นที่นิยมและไม่สามารถขายต่อได้ในตลาดรอง

  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (interest Rate Risk) สามารถทำให้ราคาหุ้นกู้ลดลงเมื่ออัตราดอกเบี้ยมีการปรับขึ้น เหตุกร์ณนี้จะเกิดขึ้นต่อเมื่อนักลงทุนขายหุ้นกู้ในตลาดรองก่อนวันครบกำหนดไถ่ถอน

  • ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ (Infaltion Risk) สามารถกัดกินผลตอบแทนที่แท้จริงของหุ้นกู้

หาข้อมูลหุ้นกู้ออกใหม่ได้ที่ไหน?

นักลงทุนสามารถหาข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นกู้ออกใหม่ได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย หรือ ThaiBMA

อยากเริ่มลงทุนในหุ้นกู้ ต้องทำอะไรบ้าง?

  • พิจารณาเป้าหมายการลงทุน ระยะเวลา ระดับความเสี่ยง และผลตอบแทนที่ต้องการ

  • ศึกษาหุ้นกู้ที่สนใจ วิเคราะห์ข้อมูลทางการเงิน สถานะธุรกิจ ความเสี่ยง ผลตอบแทน และ ความน่าเชื่อถือของผู้ออกหุ้นกู้

  • เปิดบัญชีซื้อขายหุ้นกู้กับบริษัทหลักทรัพย์

  • หลังจากได้ซื้อหุ้นกู้แล้ว ติดตามการจ่ายดอกเบี้ยตามกำหนด

อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว ลองมาตอบคำถามที่นักลงทุนควรตอบได้ก่อนตัดสินใจลงทุนให้หุ้นกู้

  • หุ้นกู้ที่สนใจเป็นหุ้นกู้ประเภทไหน?

  • ใครคือผู้ออกหุ้นกู้?

  • หุ้นกู้นี้มีอัตราดอกเบี้ยเท่าไหร่? 

  • หุ้นกู้นี้มีความเสี่ยงอะไรบ้าง?

  • ผลตอบแทนของหุ้นกู้นี้เปรียบเทียบกับเงินฝากแล้วเป็นอย่างไร?

  • สามารถซื้อขายหุ้นกู้นี้ในตลาดรองได้หรือไม่?

  • ภาษีเงินได้จากดอกเบี้ยของหุ้นกู้นี้เป็นอย่างไร?

  • หุ้นกู้ vs หุ้น อะไรมีความเสี่ยงมากกว่ากัน?

  • กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกู้ที่ดีคืออะไร?

  • มีข่าวอะไรใหม่เกี่ยวกับผู้ออกหุ้นกู้บ้าง?

 

สุดท้ายนี้ นักลงทุนควรศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลให้รอบคอบก่อนลงทุนในหุ้นกู้เพื่อลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนที่เหมาะสม และควรหมั่นตรวจสอบสถานะการดำเนินงานของบริษัทหรือองค์กรที่เป็นเจ้าของหุ้นกู้อยู่เสมอ เพื่อป้องกันความเสี่ยงในการลงทุนและคุ้มครองเงินลงทุนของผู้ลงทุนให้ได้มากที่สุด

การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ใดก็ตาม เว็บไซต์นั้นอาจจัดเก็บหรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของท่านซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของ cookie ข้อมูลเหล่านี้อาจเกี่ยวกับท่าน การตั้งค่าของท่าน อุปกรณ์ของท่าน หรือเพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานอย่างที่ท่านต้องการ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้โดยตรง แต่ช่วยให้ท่านใช้งานเว็บตามความต้องการส่วนบุคคลได้มากยิ่งขึ้น โดยที่เราเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน ท่านสามารถปิดการทำงานของ cookie บางประเภทได้ โปรดคลิกที่หัวข้อประเภทอื่นๆ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและเปลี่ยนการตั้งค่าเริ่มต้นในการใช้งาน cookie อย่างไรก็ตาม ท่านควรทราบว่าการปิดการทำงานของ cookie บางประเภทอาจส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์และบริการของเรา

ยอมรับทั้งหมด

จัดการการกำหนดลักษณะความยินยอม

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น
เปิดใช้งานตลอดเวลา

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย คุณสามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ได้ด้วยการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ แต่การตั้งค่าดังกล่าวอาจส่งผลต่อการทำงานของเว็บไซต์
รายละเอียดคุกกี้

คุกกี้ในส่วนการตลาด

คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อการนำเสนอบริการที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของผู้ใช้บริการแต่ละราย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานคุกกี้ชนิดนี้ สามารถดูได้ที่นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ยืนยันตัวเลือกของฉัน
Cookie Domain Description
XSRF-TOKEN www.investree.co.th คุกกี้นี้ตั้งค่าโดย Wix และใช้เพื่อความปลอดภัย
laravel_session www.investree.co.th laravel ใช้ laravel_session เพื่อระบุอินสแตนซ์ของเซสชันสำหรับผู้ใช้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้
_gat .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ได้รับการติดตั้งโดย Google Universal Analytics เพื่อจำกัดอัตราคำขอและจำกัดการรวบรวมข้อมูลบนไซต์ที่มีการเข้าชมสูง
_ga .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งติดตั้งโดย Google Analytics จะคำนวณข้อมูลผู้เข้าชม เซสชัน และแคมเปญ และยังติดตามการใช้งานไซต์สำหรับรายงานการวิเคราะห์ของไซต์ คุกกี้เก็บข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตนและกำหนดหมายเลขที่สร้างขึ้นแบบสุ่มเพื่อระบุผู้เยี่ยมชมที่ไม่ซ้ำ
_gid .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ติดตั้งโดย Google Analytics คุกกี้ _gid จะเก็บข้อมูลว่าผู้เยี่ยมชมใช้งานเว็บไซต์อย่างไร ในขณะเดียวกันก็สร้างรายงานการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วย ข้อมูลบางส่วนที่เก็บรวบรวม ได้แก่ จำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา และหน้าที่เข้าชมโดยไม่ระบุตัวตน

 

ลงทะเบียน | นักลงทุน 



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว เข้าสู่ระบบ

Syariah financing funding Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Personal Loan Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Business Loan Register



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Syariah Business Financing Register



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Referrer Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Issuer Registration



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว เข้าสู่ระบบ

Pendaftaran Reseller Financing



Sudah punya akun? Login

ลืมรหัสผ่าน

Loan Solutions

Choose what suits your needs


Personal loan for daily needs

Borrow Up to:
บาท 50.000.000
  • Home Improvement
  • Educational loans
  • Vacation Loan
  • Wedding Loans
  • Medical Fees
  • Umroh's Journey
Make Your Dreams Come True

Business Loans as an Invoice Financing solution

Borrow Up to:
บาท 2.000.000.000
  • Interest ranging from 14%
  • Full funding within 72 hours
  • Transparent
Make Your Dreams Come True