ESG: The Power of Investment
การลงทุนของคุณมีพลังมากกว่าแค่การสร้างความมั่งคั่ง แต่คือการขับเคลื่อนอนาคตที่ดีกว่าเพื่อเราทุกคนและโลกใบนี้ วันนี้ นิยามของ “การลงทุน” ได้ขยายขอบเขตไปไกลกว่าการแสวงหาผลกำไร ในฐานะนักลงทุน คุณมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางธุรกิจ ด้วยการตัดสินใจเลือกว่าจะส่งพลังสนับสนุนไปยังธุรกิจประเภทใด ทุกการลงทุนของคุณจึงเป็นสัญญาณอันทรงพลังที่ส่งผลต่อภาพรวมของเศรษฐกิจและสังคม และขณะที่คุณมุ่งสร้างการเติบโตทางการเงิน คุณก็สามารถใช้พลังเดียวกันนั้นสร้างผลกระทบเชิงบวกที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเลขในบัญชี นี่คือหัวใจและพลวัตของ “การลงทุนอย่างยั่งยืน” ที่พร้อมมอบ “ผลตอบแทนสองเด้ง” ทั้งความมั่งคั่งและการพัฒนาเพื่อโลกของเราอย่างแท้จริง
- ความท้าทายของโลกและเป้าหมายการพัฒนา (SDGs)
- ESG: ลงทุนวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
- ESG: มาตรฐานที่นักลงทุนไทยต้องรู้
- ESG ขับเคลื่อนธุรกิจไทย: โอกาสและความเสี่ยง
- ส่องบริษัทไทย ESG: ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
- เริ่มลงทุน ESG: เลือกเครื่องมือ เข้าใจความเสี่ยง
- ลงทุน ESG: ผลตอบแทนสองเด้งและพลังการตัดสินใจในมือคุณ
- สร้างอนาคต SME ไทย: ลงทุนหุ้นกู้ Crowdfunding
ความท้าทายของโลกและเป้าหมายการพัฒนา (SDGs)
การขับเคลื่อนโลกสู่อนาคตที่ดีกว่า จำเป็นต้องเข้าใจและเผชิญหน้ากับความท้าทายที่หลากหลาย ซับซ้อน และแตกต่างกันไปในแต่ละประเทศและภูมิภาค ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความเหลื่อมล้ำทางสังคม หรือความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ เพื่อให้การรับมือกับโจทย์ใหญ่เหล่านี้มีทิศทางที่ชัดเจนและสามารถวัดผลได้จริง องค์การสหประชาชาติ (UN) จึงได้ริเริ่มและกำหนด "เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน" (Sustainable Development Goals - SDGs) 17 ข้อขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศสากล ชี้แนะแนวทางการพัฒนาที่ครอบคลุมประเด็นสำคัญ ตั้งแต่การขจัดความยากจน การสร้างความเท่าเทียม การดูแลสุขภาพและส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดี ไปจนถึงการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ โดยยึดมั่นในหลักการสำคัญคือ "ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง" (Leave No One Behind) สำหรับนักลงทุน การทำความเข้าใจเป้าหมาย SDGs เหล่านี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้มองเห็นโอกาสในการนำพลังการลงทุนไปสนับสนุนธุรกิจที่มุ่งมั่นแก้ไขปัญหา และร่วมสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกของเราเพื่ออนาคตที่ดีกว่า
เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Development Goals (SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ (UN)
ESG: ลงทุนวันนี้ เพื่ออนาคตที่ดีกว่า
เมื่อโลกเผชิญความท้าทายและ SDGs ชี้ทิศทางการพัฒนา คำถามต่อไปคือ นักลงทุนจะใช้พลังของตนสนับสนุนเป้าหมายเหล่านี้ได้อย่างไร? คำตอบอยู่ที่ Framework หรือ กรอบการวิเคราะห์ Environmental-Social-Governance (ESG) ซึ่งถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้นักลงทุนสามารถประเมินและเลือกลงทุนในบริษัทที่ดำเนินงานสอดรับกับ SDGs ได้อย่างเป็นรูปธรรม โดย ESG จัดกลุ่มปัจจัยความยั่งยืนเป็น 3 มิติหลักที่นักลงทุนนำมาพิจารณาได้โดยตรง ได้แก่ สิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) การใช้กรอบ ESG จึงไม่เพียงช่วยนักลงทุนค้นหาโอกาสสร้างผลตอบแทน แต่ยังเป็นการเลือกสนับสนุนธุรกิจที่เป็นพลังบวกในการแก้ปัญหาและสร้างเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกของเรา
ESG: มาตรฐานที่นักลงทุนไทยต้องรู้
แนวคิด ESG ได้กลายเป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกให้การยอมรับและนำมาปรับใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อให้นักลงทุนมีข้อมูลที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือประกอบการตัดสินใจลงทุน องค์กรชั้นนำหลายแห่งจึงได้พัฒนาเกณฑ์และมาตรฐานด้าน ESG ขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น:
-
Sustainability Reporting Standards: กรอบการรายงานที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล ช่วยให้บริษัทต่างๆเปิดเผยข้อมูลด้าน ESG อย่างเป็นระบบและโปร่งใสและนักลงทุนเองก็สามารถเปรียบเทียบและประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนของบริษัทต่างๆ ได้ ตัวอย่าง เช่น Global Reporting Initiative (GRI), International Sustainability Standards Board (ISSB) และ IFRS Sustainability Disclosure Standards (IFRS S1 and S2)
-
Global Sustainability Indices and Ratings: ดัชนีอย่าง Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) หรือ FTSE4Good และอันดับความยั่งยืนจากหน่วยงานประเมิน เช่น S&P Global หรือ MSCI ESG Ratings ได้พัฒนาเกณฑ์การประเมิน ESG ที่เข้มงวด และจัดทำรายชื่อบริษัทชั้นนำระดับโลกที่มีผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นเพื่อเป็นดัชนีชี้วัดและข้อมูลสำหรับนักลงทุนทั่วโลก
-
กฎระเบียบและนโยบายภาครัฐ: หลายประเทศและภูมิภาค เช่น สหภาพยุโรป ได้ออกกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเผยข้อมูล ESG และการลงทุนที่ยั่งยืน เพื่อส่งเสริมให้ภาคธุรกิจและการเงินคำนึงถึงปัจจัยเหล่านี้มากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลกที่ลงทุนในตลาดเหล่านั้น
สำหรับประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ริเริ่ม SET ESG Ratings เพื่อส่งเสริมให้บริษัทจดทะเบียนไทยให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่ยั่งยืนควบคู่ไปกับการเปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูล ESG ที่ได้มาตรฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจ ผลการประเมิน SET ESG Ratings ล่าสุด ซึ่งประกาศเมื่อเดือนธันวาคม 2024 มีบริษัทจดทะเบียน 228 แห่งได้รับการจัดอันดับ โดยนักลงทุนสามารถตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดได้โดยตรงจากเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ
มาตรฐานเหล่านี้ล้วนสะท้อนว่า ESG คือองค์ประกอบสำคัญของภูมิทัศน์การลงทุนสากล เป็นกลไกเชื่อมโยงการดำเนินธุรกิจเข้ากับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเปิดทางให้นักลงทุนใช้พลังของตนสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้อย่างแท้จริง
ESG ขับเคลื่อนธุรกิจไทย: โอกาสและความเสี่ยง
ในบริบทประเทศไทย ความตื่นตัวต่อประเด็นสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) และธรรมาภิบาล (Governance) หรือ ESG กำลังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แรงผลักดันจากภาคประชาชนที่เรียกร้องให้ภาครัฐและเอกชนแก้ไขปัญหาต่างๆ สะท้อนชัดเจนว่าหลักการ ESG นี้มิได้จำกัดวงอยู่เพียงบริษัทขนาดใหญ่ แต่ยังครอบคลุมถึงธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ซึ่งเป็นหัวใจของเศรษฐกิจไทย ให้สามารถนำไปปรับใช้เพื่อสร้างความยั่งยืนและความได้เปรียบทางการแข่งขัน
ประเด็น ESG ท้องถิ่นที่นักลงทุนไทยต้องจับตา
ประเด็น ESG ที่สังคมไทยให้ความสนใจและจับตามองอย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย:
-
ประเด็นสิ่งแวดล้อม: การเรียกร้องอากาศสะอาดและการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5, การบริหารจัดการขยะและมลพิษในแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน, รวมถึงความกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมและทรัพยากรธรรมชาติ
-
ประเด็นสังคม: การผลักดันความเท่าเทียมทางเพศและสิทธิ LGBTQ+ (เช่น ประเด็นสมรสเท่าเทียม), การดูแลสิทธิและสวัสดิการแรงงาน, ความปลอดภัยในสถานที่ทำงาน, ความรับผิดชอบต่อชุมชนรอบสถานประกอบการ, และการเข้าถึงบริการพื้นฐานอย่างทั่วถึง
-
ประเด็นธรรมาภิบาล: การต่อต้านคอร์รัปชัน, การสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงานของภาครัฐและเอกชน, การคุ้มครองสิทธิ์ผู้ถือหุ้นรายย่อย, และการส่งเสริมการแข่งขันที่เป็นธรรม
ความตื่นตัวนี้ชี้ชัดว่า ESG เป็นปัจจัยที่สามารถสร้างความได้เปรียบทางการตลาดให้กับบริษัทที่นำหลักการเหล่านี้ไปปรับใช้ในกลยุทธ์ของตน
เมื่อ ESG ถูกมองข้าม: บทเรียนราคาแพงจากความเสียหายจริง
ความตื่นตัวเรื่อง ESG ที่เพิ่มสูงขึ้นในสังคม กำลังสร้างแรงจูงใจเชิงบวกให้หลายบริษัทหันมาดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบเพื่อสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและภาพลักษณ์ที่ดี ทว่า อีกมุมหนึ่งที่อาจมีนัยยะสำคัญมากกว่าสำหรับทั้งภาคธุรกิจและนักลงทุนในการให้ความสำคัญกับ ESG คือ ผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นเมื่อบริษัทเพิกเฉยต่อหลักการนี้ การละเลยปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไม่เพียงแต่ก่อให้เกิดปัญหาในวงกว้าง แต่ยังสร้างความเสียหายโดยตรงต่อภาพลักษ์ (Branding) ผลการดำเนินงานทางธุรกิจ และผลกำไรสุทธิ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นความเสี่ยงที่สำคัญยิ่งสำหรับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย ลองมาพิจารณาบทเรียนจากกรณีศึกษาที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทย:
-
ด้านสิ่งแวดล้อม: การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยมลพิษ การจัดการของเสียที่ไม่เหมาะสม หรือการก่อให้เกิดอุบัติภัยร้ายแรง ย่อมนำไปสู่ความเสียหายต่อระบบนิเวศ สุขภาพของชุมชน และอาจเผชิญกับบทลงโทษทางกฎหมาย ค่าปรับ ค่าใช้จ่ายในการฟื้นฟูมูลค่ามหาศาล รวมถึงความเสียหายต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นของนักลงทุน กรณีศึกษาที่สะท้อนผลกระทบเหล่านี้คือเหตุการณ์น้ำมันดิบประมาณ 50,000 ลิตร รั่วไหลจากท่อส่งของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) (PTTGC) ในทะเลระยอง เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2013 ซึ่งสร้างความเสียหายอย่างกว้างขวางต่อระบบนิเวศทางทะเล โดยเฉพาะบริเวณอ่าวพร้าว เกาะเสม็ด และส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและวิถีชีวิตของชาวประมงในพื้นที่ PTTGC ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการขจัดคราบน้ำมัน การฟื้นฟู และการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบเป็นจำนวนเงินที่สูงมาก และราคาหุ้นของบริษัทในช่วงดังกล่าวก็ปรับตัวลดลงประมาณ 6-10% ท่ามกลางความกังวลของนักลงทุนต่อภาระทางการเงินและความเสียหายต่อภาพลักษณ์องค์กร
-
ด้านสังคม: การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบต่อสังคม โดยเฉพาะต่อพนักงาน ชุมชน และผู้บริโภค เช่น การละเลยความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงาน การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างไม่เป็นธรรม หรือการเพิกเฉยต่อผลกระทบที่การดำเนินงานมีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเหล่านี้ ย่อมเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ข้อพิพาทแรงงาน การถูกคว่ำบาตรจากสังคม และความเสื่อมเสียชื่อเสียง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นและมูลค่าของกิจการได้ ตัวอย่างเช่น เหตุการณ์อาคารถล่มเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2025 ซึ่ง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) (ITD) เป็นผู้รับเหมาร่วม เหตุการณ์ครั้งนั้นส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนมาก นำไปสู่การตั้งคำถามอย่างจริงจังในสังคมเกี่ยวกับมาตรฐานความปลอดภัยในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อบริษัท ITD สั่นคลอนอย่างหนัก โดยมีรายงานว่าราคาหุ้นปรับตัวลดลงอย่างชัดเจน (กว่า 20% ในวันทำการหลังเกิดเหตุ) นอกจากนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวยังอาจสร้างความวิตกต่อผู้ที่สนใจลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวในประเด็นความปลอดภัยโดยรวมของประเทศ
ข่าวเกี่ยวกับบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน)และเหตุการณ์อาคารถล่มจาก Nikkei Asia และ Reuters
-
ด้านธรรมาภิบาล (Governance): การดำเนินธุรกิจโดยขาดความรับผิดชอบด้านธรรมาภิบาลและการกำกับดูแลกิจการที่ดี เช่น ผู้บริหารมีพฤติกรรมทุจริตคอร์รัปชัน การบริหารจัดการขาดความโปร่งใส หรือมีการตกแต่งบัญชีเพื่อบิดเบือนข้อมูลต่อนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสีย ย่อมนำไปสู่การกัดกร่อนความเชื่อมั่นและส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของตลาดทุนอย่างรุนแรง กรณีอื้อฉาวของ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (STARK) ในช่วงปี 2023 นับเป็นอุทาหรณ์สำคัญ เมื่อมีการตรวจพบการทุจริตและการตกแต่งบัญชีครั้งใหญ่ ผู้บริหารระดับสูงถูกกล่าวหาว่ายักยอกทรัพย์สิน ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยต้องสั่งพักการซื้อขายหุ้น (ขึ้นเครื่องหมาย SP) และเมื่อเปิดให้ซื้อขายเป็นการชั่วคราวในเดือนมิถุนายน 2023 ราคาหุ้นได้ทรุดตัวลงกว่า 90% ภายในวันเดียว (จากราคาประมาณ 2.38 บาท เหลือเพียงไม่กี่สตางค์) และท้ายที่สุดถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ผลกระทบไม่ได้จำกัดอยู่เพียงผู้ถือหุ้นสามัญเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้ถือหุ้นกู้หลายพันรายที่ต้องเผชิญกับการผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้หลายชุด รวมมูลค่ากว่า 9.2 พันล้านบาท ซึ่งหลายรายได้รวมตัวกันดำเนินการทางกฎหมาย กรณีนี้ได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแก่ผู้ลงทุนในวงกว้างรวมเป็นมูลค่าหลายหมื่นล้านบาท พร้อมทั้งสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่มีต่อตลาดทุนไทยอย่างมาก
ESG: เกราะป้องกันความเสี่ยงและความจำเป็นเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
กรณีศึกษาข้างต้นสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การดำเนินธุรกิจโดยปราศจากความใส่ใจต่อ ESG นั้นไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการพัฒนาที่ยั่งยืนและย่อมส่งผลเสียต่อองค์กรในที่สุด การบูรณาการปัจจัย ESG เข้ากับกลยุทธ์องค์กรจึงไม่ใช่เพียง 'สิ่งที่ควรทำ' (nice-to-have) หรือเพื่อสร้างภาพลักษณ์เท่านั้น แต่คือองค์ประกอบสำคัญของการบริหารจัดการความเสี่ยง (Risk Management) และเป็นปัจจัยชี้ขาดความสามารถในการเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืนของธุรกิจในระยะยาว บริษัทที่ไม่ปรับตัวและเพิกเฉยต่อประเด็นเหล่านี้จะมีความเปราะบางมากขึ้นเรื่อยๆ และอาจไม่สามารถอยู่รอดได้ในภูมิทัศน์ธุรกิจที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ทุกเมื่อ
ส่องบริษัทไทย ESG: ผู้นำการเปลี่ยนแปลง
ท่ามกลางความตื่นตัวด้าน ESG บริษัทไทยจำนวนไม่น้อยได้แสดงวิสัยทัศน์และนำหลักการ ESG มาเป็นหัวใจในการดำเนินธุรกิจ พิสูจน์ให้เห็นว่าการบูรณาการปัจจัยเหล่านี้สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม หลายบริษัทได้รับการยอมรับในระดับประเทศและนานาชาติให้อยู่ในทำเนียบบริษัทชั้นนำด้านความยั่งยืน ทั้งจาก SET ESG Ratings และดัชนีสากล นักลงทุนสามารถค้นคว้าข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติของบริษัทเหล่านี้ได้จากรายงานความยั่งยืนและแหล่งข้อมูลทางการของตลาดหลักทรัพย์ฯ ตัวอย่างบริษัทที่โดดเด่น อาทิ:
-
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) (PTT): ได้รับการยอมรับด้านการบริหารจัดการความยั่งยืน โดยมุ่งเน้นการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และการสร้างคุณค่าร่วมกับชุมชนและสังคม
-
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) (SCG): โดดเด่นในการนำหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) มาปรับใช้ในกระบวนการผลิต พัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน และให้ความสำคัญกับการกำกับดูแลกิจการที่ดีมาอย่างต่อเนื่อง
-
ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) (KBank): มีบทบาทในการส่งเสริมการเงินเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) สนับสนุนลูกค้าธุรกิจในการปรับตัวสู่ความยั่งยืน และมีนโยบายด้านสิทธิมนุษยชนและการดูแลพนักงานที่ชัดเจน
หมายเหตุ: การกล่าวถึงบริษัทข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างเพื่อประกอบความเข้าใจ ไม่ได้เป็นการชี้นำการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมด้วยตนเอง
เริ่มลงทุน ESG: เลือกเครื่องมือ เข้าใจความเสี่ยง
เมื่อตระหนักถึงพลังและโอกาสของการลงทุน ESG หากคุณพร้อมจะเริ่มต้น นี่คือแนวทางและข้อควรพิจารณาสำหรับการลงทุน ESG ในประเทศไทย:
การลงทุน ESG เปิดกว้างสำหรับสินทรัพย์หลากหลายประเภท ไม่จำกัดเพียงหุ้นรายตัวที่โดดเด่นด้านความยั่งยืน (เช่น บริษัทใน SET ESG Ratings) แต่ยังรวมถึงกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG Fund) กองทุนรวมอื่นที่มีนโยบาย ESG ชัดเจน และตราสารหนี้เพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bonds) สินทรัพย์แต่ละชนิดมีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนของราคาหุ้น ความเสี่ยงด้านเครดิตของตราสารหนี้ หรือนโยบายและค่าธรรมเนียมของกองทุนรวม นักลงทุนจึงควรศึกษาทำความเข้าใจในรายละเอียดของเครื่องมือแต่ละประเภทและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องอย่างถี่ถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
สิ่งที่ต้องพิจารณา:
-
การลงทุนมีความเสี่ยง: สิ่งสำคัญที่นักลงทุนต้องตระหนักเสมอคือ การลงทุนทุกประเภทมีความเสี่ยง แม้ว่าบริษัทจะได้รับการประเมินว่ามีผลการดำเนินงานด้าน ESG ที่ดี หรืออยู่ในรายชื่อหุ้นยั่งยืน ไม่ได้หมายความว่าการลงทุนในบริษัทนั้นๆ จะให้ผลตอบแทนที่ดีหรือมีกำไรเสมอไป ปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาวะตลาด ผลประกอบการของบริษัทโดยรวม และปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาค ยังคงส่งผลต่อราคาและผลตอบแทนของการลงทุน
-
ศึกษาข้อมูล: ทำความรู้จักกับแนวคิด ESG แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น รายงานความยั่งยืนของบริษัท หรือข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และหน่วยงานประเมินที่น่าเชื่อถือ
-
พิจารณาเครื่องมือลงทุน: เลือกประเภทสินทรัพย์ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ หากคุณสงสัยว่าจะ ลงทุนในกองทุนไทย ESG อย่างไร สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนต่างๆ
-
ประเมินความเสี่ยง: ทำความเข้าใจความเสี่ยงเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ESG เช่น ความเสี่ยงของ Greenwashing ที่บริษัทอาจเพียงแค่สร้างภาพลักษณ์โดยไม่มีการดำเนินงานจริง ควรพิจารณาจากข้อมูลที่น่าเชื่อถือและผลการดำเนินงานที่ตรวจสอบได้
-
ใช้พลังผู้ถือหุ้น (Shareholder Activism): ในฐานะผู้ถือหุ้น คุณมีสิทธิและพลังในการมีส่วนร่วม ตรวจสอบ และตั้งคำถามกับทิศทางการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัท นี่คือบทบาทสำคัญของนักลงทุนในการร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกในภาคธุรกิจไทย
ลงทุน ESG: ผลตอบแทนสองเด้งและพลังการตัดสินใจในมือคุณ
หลายคนอาจยังกังวลว่าการลงทุนโดยคำนึงถึงปัจจัย ESG จะส่งผลให้ผลตอบแทนทางการเงินลดน้อยลง แต่ถ้าเราไตร่ตรองอย่างจริงจังแล้ว บริษัทที่ยึดมั่นในหลัก ESG มักแสดงให้เห็นถึงการบริหารจัดการความเสี่ยงที่เหนือกว่า สะท้อนพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง ประสิทธิภาพสูง และศักยภาพในการเติบโตอย่างยั่งยืน นักลงทุนไทยที่มองหาคุณค่าควบคู่ไปกับผลกำไร จึงสามารถคาดหวังประโยชน์จากการลงทุน ESG ได้ดังนี้
-
บริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น: ลดความเสี่ยงจากกฎระเบียบ ปัญหาแรงงาน หรือความเสียหายต่อชื่อเสียง ส่งผลดีต่อเสถียรภาพธุรกิจ
-
ประสิทธิภาพในการดำเนินงานสูงขึ้น: การใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพช่วยลดต้นทุนและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
-
สร้างแบรนด์และชื่อเสียง: ดึงดูดลูกค้า พนักงาน และสร้างความภักดีระยะยาว
-
เข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น: นักลงทุนสถาบันให้ความสำคัญ ESG ทำให้บริษัทเข้าถึงเงินทุนได้หลากหลายและมีต้นทุนต่ำกว่า
การนำ ESG มาเป็นส่วนหนึ่งในการวิเคราะห์ จึงไม่เพียงยกระดับการตัดสินใจลงทุนให้รอบคอบและมองการณ์ไกล แต่ยังเป็นการลงทุนที่สร้าง "ผลตอบแทนสองเด้ง" อย่างแท้จริง นั่นคือ ทั้งกำไรทางการเงินและการมีส่วนร่วมสร้างสรรค์สังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้น
พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงนี้เริ่มต้นที่ ‘การตัดสินใจ’ ของคุณ ในฐานะนักลงทุน ทุกการลงทุนไม่เพียงส่งผลต่อพอร์ตโฟลิโอการลงทุน แต่ยังร่วมกำหนดอนาคตของธุรกิจ สังคม และโลกใบนี้ นั่นย่อมหมายถึงความรับผิดชอบที่มาพร้อมกับทางเลือกสำคัญ คุณจะยังคงลงทุนในแบบเดิมที่มุ่งผลตอบแทนระยะสั้น หรือจะเลือกใช้พลังแห่งเงินทุนของคุณอย่างรับผิดชอบ (Responsible Investing) เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหา ขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์ผลลัพธ์เชิงบวกที่ยั่งยืน ทั้งเพื่อผลตอบแทนที่ดีและเพื่ออนาคตที่ดีกว่าของพวกเราทุกคน
สร้างอนาคต SME ไทย: ลงทุนหุ้นกู้ Crowdfunding
สำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้พลังของตนสร้างผลกระทบเชิงบวกอย่างเป็นรูปธรรมต่อเศรษฐกิจและสังคมไทย การลงทุนในธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ที่มีศักยภาพและยึดมั่นในความยั่งยืน ถือเป็นอีกช่องทางที่ไม่ควรมองข้าม อินเวสทรี (ไทยแลนด์) ในฐานะแพลตฟอร์มหุ้นกู้คราวด์ฟันดิงเพื่อ SME ไทย มุ่งมั่นเป็นสะพานเชื่อมระหว่างนักลงทุนเช่นคุณ กับ SME คุณภาพที่พร้อมเติบโตและสร้างคุณค่าให้สังคมและสิ่งแวดล้อม การลงทุนในหุ้นกู้ Crowdfunding ไม่เพียงเปิดประตูสู่โอกาสรับผลตอบแทนทางการเงิน แต่ยังเป็นการส่งต่อพลังทุนสนับสนุนธุรกิจที่เป็นรากฐานสำคัญของประเทศ ร่วมสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแกร่งและยั่งยืนจากฐานราก
ขับเคลื่อนอนาคตที่ดีกว่าเพื่อ SME ไทยและสังคมของเรา ค้นพบโอกาสการลงทุนที่ตอบโจทย์คุณได้ที่ www.investree.co.th