5 เทคนิคพิชิตความเสี่ยง สู่ผลตอบแทนยั่งยืน

ในยุคปัจจุบัน การออมเงินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณ การลงทุนจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนมองหา แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยงแฝงอยู่เสมอ บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง "ความเสี่ยง" และ "ผลตอบแทน" และ นำเสนอ 5 เทคนิคที่ใช้ประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุนประเภทต่างๆ เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk-Reward Relationship)

ในโลกการลงทุน ความเสี่ยง (Risk) และผลตอบแทน (Reward) มักมีความสัมพันธ์กันโดยตรง โดยการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมักมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง และ การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำมักมีโอกาสให้ผลตอบแทนต่ำ นักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนสูงจำเป็นต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น และ นักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำจำเป็นต้องยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำลง

การลงทุนแต่ละประเภทมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ทำความเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้เพื่อประเมินผลตอบแทนที่น่าจะเป็นไปได้ในการลงทุน

ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้น

  • ความผันผวนของราคาหุ้น (Price Volatility) คือ การเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว ยากต่อการคาดการณ์ราคาในอนาคต ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความผันผวน ได้แก่ สภาพคล่องของหุ้น ข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท สภาพเศรษฐกิจ ปัจจัยทางการเมือง

  • ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับบริษัท (Company-Specific Risks)

    • ความเสี่ยงด้านการจัดการ (Management Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารไม่มีประสบการณ์ กลยุทธ์ของบริษัทไม่ชัดเจน ผู้บริหารขาดความซื่อสัตย์ 

    • ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (Operational Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัญหาในการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น ปัญหาการผลิต ปัญหาด้านโลจิสติกส์

    • ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน (Competitive Risk) คือความเสี่ยงที่เกิดจากคู่แข่ง ตัวอย่างเช่น คู่แข่งมีสินค้าหรือบริการที่ดีกว่า คู่แข่งมีราคาที่ถูกกว่า คู่แข่งมีส่วนแบ่งตลาดที่มากกว่า

    • ความเสี่ยงด้านกฎหมายและข้อบังคับ (Legal and Regulatory Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและข้อบังคับ ตัวอย่างเช่น รัฐบาลออกกฎหมาย หรือ เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบส่งผลกระทบต่อธุรกิจ รัฐบาลเพิ่มภาษี

    • ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัญหาทางการเงิน ตัวอย่างเช่น บริษัทมีหนี้สินมาก บริษัทมีรายได้น้อย บริษัทมีกระแสเงินสดไม่ดี

  • อ่าน บทความ หุ้น คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นกู้

  • ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) คือ ความเสี่ยงที่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามกำหนดสัญญา ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านเครดิต ได้แก่ สถานะทางการเงินของบริษัท ผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน โครงสร้างธุรกิจ สภาพเศรษฐกิจ อันดับเครดิต

  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) คือ ความเสี่ยงที่ราคาหุ้นกู้จะ ผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ ระดับอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาของหุ้นกู้

  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) คือ ความเสี่ยงที่นักลงทุนจะ ไม่สามารถ ซื้อหรือขายหุ้นกู้ได้ อย่างสะดวก ในราคาที่ต้องการ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ได้แก่ สภาพคล่องของตลาด ระยะเวลาของหุ้นกู้

  • อ่าน บทความ หุ้นกู้ คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ความเสี่ยงในการลงทุนในกองทุนรวม

  • ความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk) คือ ความเสี่ยงที่ราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนรวมลงทุนผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง นโยบายของรัฐบาล ฯลฯ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านตลาด ได้แก่ สภาพเศรษฐกิจ สภาพการเมือง ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลต่อตลาด

  • ความเสี่ยงด้านผู้จัดการกองทุน (Manager Risk) คือ ความเสี่ยงที่ผลประกอบการของกองทุนขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุน ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านผู้จัดการกองทุน ได้แก่ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้จัดการกองทุน การตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน และ ผลประโยชน์ทับซ้อน

  • ความเสี่ยงด้านค่าธรรมเนียม (Expense Ratio) คือ ความเสี่ยงที่ค่าธรรมเนียมส่งผลต่อผลตอบแทนรวมของกองทุน ค่าธรรมเนียมหลักที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการจัดการ ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าธรรมเนียมอื่นๆตามประเภทและนโยบายของบริษัทจัดการกองทุน

  • อ่านบทความ กองทุนรวม คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง

  • ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) คือ ความเสี่ยงที่ผู้ระดมทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามกำหนดสัญญา ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกับธุรกิจขนาดเล็ก หรือ Startup ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านเครดิต ได้แก่ การบริหารจัดการ สถานะทางการเงินของบริษัท ผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน โครงสร้างธุรกิจ สภาวะเศรษฐกิจ

  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) คือ ความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจขายต่อหุ้นกู้ได้ยาก (Low Liquidity) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ได้แก่ ไม่มีตลาดรอง (Secondary Market) ระยะเวลาของหุ้นกู้ นักลงทุนที่สนใจซื้อมีจำนวนน้อย (Limited Potential Buyers)

  • ความเสี่ยงด้านข้อมูล (Information Risk) คือ ความเสี่ยงในการที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ที่จำกัด (Limited Information) อาจส่งผลให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงของการลงทุนได้ยาก (Difficult to Assess Risk) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านข้อมูล ได้แก่ บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก อาจไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงินทั้งหมดต่อสาธารณะ

  • ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (Regulatory Risk) คือ ความเสี่ยงเกี่ยวกับกฎระเบียบหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ซึ่งยังมีการพัฒนาอยู่ (Evolving Regulatory Framework) ทำให้นักลงทุนอาจได้รับความคุ้มครองน้อย (Insufficient Protection) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ ได้แก่ กฎหมายเพิ่งมีผลบังคับใช้ (New Legislation)

  • อ่านบทความ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโต

  • ความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคา คือ การเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว ยากต่อการคาดการณ์ในอนาคต ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคา ได้แก่ สภาพคล่อง ปริมาณการซื้อขาย (Trading volume) ข่าวสารและความคาดหวังของนักลงทุน การเก็งกำไร (Speculation)

  • ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี (Technology risk) คือ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์พื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชนและโครงสร้างพื้นฐานที่คริปโตรันอยู่ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี ได้แก่ ความปลอดภัยของระบบ การพัฒนาเทคโนโลยี ข้อผิดพลาดทางเทคนิค (Technical error)

  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Security risk) ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดความปลอดภัยและการประพฤติผิดที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้หรือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับสินทรัพย์คริปโตอาทิเช่น การจัดเก็บกุญแจส่วนตัว (Private key) การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber attack)

  • อ่านบทความ คริปโตเคอร์เรนซี คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

รู้จักกับความเสี่ยงของแต่ละการลงทุนแล้ว เรามาดูกันว่าเราจะพิชิตหรือบริหารความเสี่ยงในการลงทุนอย่างไร

5 เทคนิคพิชิตความเสี่ยง สู่ผลตอบแทนที่ยั่งยืน

1.  เข้าใจตัวเองพร้อมประเมินเป้าหมายทางการเงิน:

  • เป้าหมายทางการเงินของเราคืออะไร? (เกษียณ, ซื้อบ้าน, ค่าเล่าเรียน)

  • ยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน?

  • วางกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นและระยะยาวให้ตรงกับเป้าหมายการลงทุน 

2.  ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด

  • เรียนรู้ประเภทสินทรัพย์ในการลงทุน

  • วิเคราะห์ความเสี่ยงและผลตอบแทนของแต่ละแบบ เทียบกันชัดๆ

  • เลือกสินทรัพย์ที่ตรงเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่รับได้

3.  กระจายความเสี่ยงการลงทุน

  • อย่าลงทุนในสินทรัพย์เดียว กระจายความเสี่ยง (Diversification) และบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ 

  • ลดความเสี่ยงถ้าเกิดปัญหากับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง

4.  ติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิดและเคลื่อนไหวเร็ว

  • หมั่นเช็กผลตอบแทนเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้

  • เปลี่ยนหรือปรับกลยุทธ์การลงทุนได้รวดเร็วตามสถานการณ์

  • ไม่ปล่อยปะละเลยพอร์ตการลงทุนโดยไม่อัปเดต

5.  ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ 

  • เรียนรู้เทคนิคจากที่ปรึกษาทางการเงิน

  • เปิดมุมมองช่องทางการลงทุนที่เราอาจไม่เคยเห็น

สุดท้ายนี้ ในเมื่อนักลงทุนไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จากการลงทุน ตามคำเตือน “การลงทุนมีความเสี่ยง” ที่นักลงทุนคุ้นเคย นักลงทุนก็ต้องลงทุนอย่างชาญฉลาดและรอบคอบโดยใช้ความรู้และเทคนิคด้านบน วางแผนพิชิต จัดการและ บริหารความเสี่ยง เพื่อมุ่งสู่ผลตอบแทนที่ยั่งยืน

 



5 เทคนิคพิชิตความเสี่ยง สู่ผลตอบแทนยั่งยืน

ในยุคปัจจุบัน การออมเงินเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการบรรลุเป้าหมายทางการเงินของคุณ การลงทุนจึงเป็นทางเลือกที่หลายคนมองหา แต่การลงทุนก็มีความเสี่ยงแฝงอยู่เสมอ บทความนี้มุ่งเน้นไปที่การอธิบายความสัมพันธ์ระหว่าง "ความเสี่ยง" และ "ผลตอบแทน" และ นำเสนอ 5 เทคนิคที่ใช้ประเมินความเสี่ยงและผลตอบแทนของการลงทุนประเภทต่างๆ เพื่อช่วยให้นักลงทุนตัดสินใจเลือกกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับตนเอง

ความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงและผลตอบแทน (Risk-Reward Relationship)

ในโลกการลงทุน ความเสี่ยง (Risk) และผลตอบแทน (Reward) มักมีความสัมพันธ์กันโดยตรง โดยการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงมักมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูง และ การลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำมักมีโอกาสให้ผลตอบแทนต่ำ นักลงทุนที่คาดหวังผลตอบแทนสูงจำเป็นต้องยอมรับความเสี่ยงที่สูงขึ้น และ นักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำจำเป็นต้องยอมรับผลตอบแทนที่ต่ำลง

การลงทุนแต่ละประเภทมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน ทำความเข้าใจความเสี่ยงเหล่านี้เพื่อประเมินผลตอบแทนที่น่าจะเป็นไปได้ในการลงทุน

ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้น

  • ความผันผวนของราคาหุ้น (Price Volatility) คือ การเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว ยากต่อการคาดการณ์ราคาในอนาคต ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความผันผวน ได้แก่ สภาพคล่องของหุ้น ข่าวสารเกี่ยวกับบริษัท สภาพเศรษฐกิจ ปัจจัยทางการเมือง

  • ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับบริษัท (Company-Specific Risks)

    • ความเสี่ยงด้านการจัดการ (Management Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการบริหารงานที่ผิดพลาด ตัวอย่างเช่น ผู้บริหารไม่มีประสบการณ์ กลยุทธ์ของบริษัทไม่ชัดเจน ผู้บริหารขาดความซื่อสัตย์ 

    • ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน (Operational Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัญหาในการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น ปัญหาการผลิต ปัญหาด้านโลจิสติกส์

    • ความเสี่ยงด้านการแข่งขัน (Competitive Risk) คือความเสี่ยงที่เกิดจากคู่แข่ง ตัวอย่างเช่น คู่แข่งมีสินค้าหรือบริการที่ดีกว่า คู่แข่งมีราคาที่ถูกกว่า คู่แข่งมีส่วนแบ่งตลาดที่มากกว่า

    • ความเสี่ยงด้านกฎหมายและข้อบังคับ (Legal and Regulatory Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและข้อบังคับ ตัวอย่างเช่น รัฐบาลออกกฎหมาย หรือ เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบส่งผลกระทบต่อธุรกิจ รัฐบาลเพิ่มภาษี

    • ความเสี่ยงด้านการเงิน (Financial Risk) คือ ความเสี่ยงที่เกิดจากปัญหาทางการเงิน ตัวอย่างเช่น บริษัทมีหนี้สินมาก บริษัทมีรายได้น้อย บริษัทมีกระแสเงินสดไม่ดี

  • อ่าน บทความ หุ้น คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นกู้

  • ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) คือ ความเสี่ยงที่บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยตามกำหนดสัญญา ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านเครดิต ได้แก่ สถานะทางการเงินของบริษัท ผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน โครงสร้างธุรกิจ สภาพเศรษฐกิจ อันดับเครดิต

  • ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย (Interest Rate Risk) คือ ความเสี่ยงที่ราคาหุ้นกู้จะ ผันผวนตามการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยในตลาด ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ ระดับอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาของหุ้นกู้

  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) คือ ความเสี่ยงที่นักลงทุนจะ ไม่สามารถ ซื้อหรือขายหุ้นกู้ได้ อย่างสะดวก ในราคาที่ต้องการ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ได้แก่ สภาพคล่องของตลาด ระยะเวลาของหุ้นกู้

  • อ่าน บทความ หุ้นกู้ คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ความเสี่ยงในการลงทุนในกองทุนรวม

  • ความเสี่ยงด้านตลาด (Market Risk) คือ ความเสี่ยงที่ราคาของสินทรัพย์ที่กองทุนรวมลงทุนผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจ การเมือง นโยบายของรัฐบาล ฯลฯ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านตลาด ได้แก่ สภาพเศรษฐกิจ สภาพการเมือง ปัจจัยอื่นๆที่ส่งผลต่อตลาด

  • ความเสี่ยงด้านผู้จัดการกองทุน (Manager Risk) คือ ความเสี่ยงที่ผลประกอบการของกองทุนขึ้นอยู่กับผู้จัดการกองทุน ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านผู้จัดการกองทุน ได้แก่ ความสามารถและประสบการณ์ของผู้จัดการกองทุน การตัดสินใจของผู้จัดการกองทุน และ ผลประโยชน์ทับซ้อน

  • ความเสี่ยงด้านค่าธรรมเนียม (Expense Ratio) คือ ความเสี่ยงที่ค่าธรรมเนียมส่งผลต่อผลตอบแทนรวมของกองทุน ค่าธรรมเนียมหลักที่พบเห็นได้ทั่วไป ได้แก่ ค่าธรรมเนียมการจัดการ ค่าธรรมเนียมการขาย ค่าธรรมเนียมอื่นๆตามประเภทและนโยบายของบริษัทจัดการกองทุน

  • อ่านบทความ กองทุนรวม คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ความเสี่ยงในการลงทุนในหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง

  • ความเสี่ยงด้านเครดิต (Credit Risk) คือ ความเสี่ยงที่ผู้ระดมทุนไม่สามารถชำระเงินต้นและดอกเบี้ยได้ตามกำหนดสัญญา ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้มากกับธุรกิจขนาดเล็ก หรือ Startup ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านเครดิต ได้แก่ การบริหารจัดการ สถานะทางการเงินของบริษัท ผลประกอบการ สภาพคล่องทางการเงิน โครงสร้างธุรกิจ สภาวะเศรษฐกิจ

  • ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง (Liquidity Risk) คือ ความเสี่ยงที่นักลงทุนอาจขายต่อหุ้นกู้ได้ยาก (Low Liquidity) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง ได้แก่ ไม่มีตลาดรอง (Secondary Market) ระยะเวลาของหุ้นกู้ นักลงทุนที่สนใจซื้อมีจำนวนน้อย (Limited Potential Buyers)

  • ความเสี่ยงด้านข้อมูล (Information Risk) คือ ความเสี่ยงในการที่ได้ข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ที่จำกัด (Limited Information) อาจส่งผลให้นักลงทุนประเมินความเสี่ยงของการลงทุนได้ยาก (Difficult to Assess Risk) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านข้อมูล ได้แก่ บริษัทผู้ออกหุ้นกู้ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดเล็ก อาจไม่เปิดเผยข้อมูลทางการเงินทั้งหมดต่อสาธารณะ

  • ความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ (Regulatory Risk) คือ ความเสี่ยงเกี่ยวกับกฎระเบียบหุ้นกู้คราวด์ฟันดิง ซึ่งยังมีการพัฒนาอยู่ (Evolving Regulatory Framework) ทำให้นักลงทุนอาจได้รับความคุ้มครองน้อย (Insufficient Protection) ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านกฎระเบียบ ได้แก่ กฎหมายเพิ่งมีผลบังคับใช้ (New Legislation)

  • อ่านบทความ หุ้นกู้คราวด์ฟันดิง คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

ความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโต

  • ความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคา คือ การเปลี่ยนแปลงของราคาอย่างรวดเร็ว ยากต่อการคาดการณ์ในอนาคต ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคา ได้แก่ สภาพคล่อง ปริมาณการซื้อขาย (Trading volume) ข่าวสารและความคาดหวังของนักลงทุน การเก็งกำไร (Speculation)

  • ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี (Technology risk) คือ ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับความสมบูรณ์พื้นฐานของเทคโนโลยีบล็อคเชนและโครงสร้างพื้นฐานที่คริปโตรันอยู่ ปัจจัยที่ส่งผลต่อความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี ได้แก่ ความปลอดภัยของระบบ การพัฒนาเทคโนโลยี ข้อผิดพลาดทางเทคนิค (Technical error)

  • ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย (Security risk) ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดความปลอดภัยและการประพฤติผิดที่มุ่งเป้าไปที่ผู้ใช้หรือโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับสินทรัพย์คริปโตอาทิเช่น การจัดเก็บกุญแจส่วนตัว (Private key) การโจมตีทางไซเบอร์ (Cyber attack)

  • อ่านบทความ คริปโตเคอร์เรนซี คืออะไร สรุปสาระสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้ก่อนลงทุน ที่นี่

รู้จักกับความเสี่ยงของแต่ละการลงทุนแล้ว เรามาดูกันว่าเราจะพิชิตหรือบริหารความเสี่ยงในการลงทุนอย่างไร

5 เทคนิคพิชิตความเสี่ยง สู่ผลตอบแทนที่ยั่งยืน

1.  เข้าใจตัวเองพร้อมประเมินเป้าหมายทางการเงิน:

  • เป้าหมายทางการเงินของเราคืออะไร? (เกษียณ, ซื้อบ้าน, ค่าเล่าเรียน)

  • ยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน?

  • วางกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นและระยะยาวให้ตรงกับเป้าหมายการลงทุน 

2.  ศึกษาข้อมูลให้ละเอียด

  • เรียนรู้ประเภทสินทรัพย์ในการลงทุน

  • วิเคราะห์ความเสี่ยงและผลตอบแทนของแต่ละแบบ เทียบกันชัดๆ

  • เลือกสินทรัพย์ที่ตรงเป้าหมายและระดับความเสี่ยงที่รับได้

3.  กระจายความเสี่ยงการลงทุน

  • อย่าลงทุนในสินทรัพย์เดียว กระจายความเสี่ยง (Diversification) และบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ 

  • ลดความเสี่ยงถ้าเกิดปัญหากับสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง

4.  ติดตามการลงทุนอย่างใกล้ชิดและเคลื่อนไหวเร็ว

  • หมั่นเช็กผลตอบแทนเทียบกับเป้าหมายที่วางไว้

  • เปลี่ยนหรือปรับกลยุทธ์การลงทุนได้รวดเร็วตามสถานการณ์

  • ไม่ปล่อยปะละเลยพอร์ตการลงทุนโดยไม่อัปเดต

5.  ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ 

  • เรียนรู้เทคนิคจากที่ปรึกษาทางการเงิน

  • เปิดมุมมองช่องทางการลงทุนที่เราอาจไม่เคยเห็น

สุดท้ายนี้ ในเมื่อนักลงทุนไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้จากการลงทุน ตามคำเตือน “การลงทุนมีความเสี่ยง” ที่นักลงทุนคุ้นเคย นักลงทุนก็ต้องลงทุนอย่างชาญฉลาดและรอบคอบโดยใช้ความรู้และเทคนิคด้านบน วางแผนพิชิต จัดการและ บริหารความเสี่ยง เพื่อมุ่งสู่ผลตอบแทนที่ยั่งยืน

 

การตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

เมื่อท่านเข้าชมเว็บไซต์ใดก็ตาม เว็บไซต์นั้นอาจจัดเก็บหรือดึงข้อมูลจากเบราว์เซอร์ของท่านซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในรูปแบบของ cookie ข้อมูลเหล่านี้อาจเกี่ยวกับท่าน การตั้งค่าของท่าน อุปกรณ์ของท่าน หรือเพื่อช่วยให้เว็บไซต์ทำงานอย่างที่ท่านต้องการ ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้โดยตรง แต่ช่วยให้ท่านใช้งานเว็บตามความต้องการส่วนบุคคลได้มากยิ่งขึ้น โดยที่เราเคารพสิทธิความเป็นส่วนตัวของท่าน ท่านสามารถปิดการทำงานของ cookie บางประเภทได้ โปรดคลิกที่หัวข้อประเภทอื่นๆ เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติมและเปลี่ยนการตั้งค่าเริ่มต้นในการใช้งาน cookie อย่างไรก็ตาม ท่านควรทราบว่าการปิดการทำงานของ cookie บางประเภทอาจส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์และบริการของเรา

ยอมรับทั้งหมด

จัดการการกำหนดลักษณะความยินยอม

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็น
เปิดใช้งานตลอดเวลา

คุกกี้พื้นฐานที่จำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ เช่น การรักษาความปลอดภัย คุณสามารถปิดการใช้งานคุกกี้เหล่านี้ได้ด้วยการตั้งค่าในเว็บเบราว์เซอร์ แต่การตั้งค่าดังกล่าวอาจส่งผลต่อการทำงานของเว็บไซต์
รายละเอียดคุกกี้

คุกกี้ในส่วนการตลาด

คุกกี้ในส่วนการตลาด ใช้เพื่อติดตามพฤติกรรมผู้เข้าชมเว็บไซต์ เพื่อการนำเสนอบริการที่เกี่ยวข้องและตรงกับความสนใจของผู้ใช้บริการแต่ละราย สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำงานคุกกี้ชนิดนี้ สามารถดูได้ที่นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ยืนยันตัวเลือกของฉัน
Cookie Domain Description
XSRF-TOKEN www.investree.co.th คุกกี้นี้ตั้งค่าโดย Wix และใช้เพื่อความปลอดภัย
laravel_session www.investree.co.th laravel ใช้ laravel_session เพื่อระบุอินสแตนซ์ของเซสชันสำหรับผู้ใช้ ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้
_gat .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ได้รับการติดตั้งโดย Google Universal Analytics เพื่อจำกัดอัตราคำขอและจำกัดการรวบรวมข้อมูลบนไซต์ที่มีการเข้าชมสูง
_ga .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ซึ่งติดตั้งโดย Google Analytics จะคำนวณข้อมูลผู้เข้าชม เซสชัน และแคมเปญ และยังติดตามการใช้งานไซต์สำหรับรายงานการวิเคราะห์ของไซต์ คุกกี้เก็บข้อมูลโดยไม่ระบุตัวตนและกำหนดหมายเลขที่สร้างขึ้นแบบสุ่มเพื่อระบุผู้เยี่ยมชมที่ไม่ซ้ำ
_gid .investree.co.th คุกกี้เก็บข้อมูลที่ไม่ระบุตัวตน ติดตั้งโดย Google Analytics คุกกี้ _gid จะเก็บข้อมูลว่าผู้เยี่ยมชมใช้งานเว็บไซต์อย่างไร ในขณะเดียวกันก็สร้างรายงานการวิเคราะห์ประสิทธิภาพของเว็บไซต์ด้วย ข้อมูลบางส่วนที่เก็บรวบรวม ได้แก่ จำนวนผู้เข้าชม แหล่งที่มา และหน้าที่เข้าชมโดยไม่ระบุตัวตน

 

ลงทะเบียน | นักลงทุน 



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว เข้าสู่ระบบ

Syariah financing funding Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Personal Loan Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Business Loan Register



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Syariah Business Financing Register



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Referrer Register




คุณมีบัญชีอยู่แล้ว Login

Issuer Registration



คุณมีบัญชีอยู่แล้ว เข้าสู่ระบบ

Pendaftaran Reseller Financing



Sudah punya akun? Login

ลืมรหัสผ่าน

Loan Solutions

Choose what suits your needs


Personal loan for daily needs

Borrow Up to:
บาท 50.000.000
  • Home Improvement
  • Educational loans
  • Vacation Loan
  • Wedding Loans
  • Medical Fees
  • Umroh's Journey
Make Your Dreams Come True

Business Loans as an Invoice Financing solution

Borrow Up to:
บาท 2.000.000.000
  • Interest ranging from 14%
  • Full funding within 72 hours
  • Transparent
Make Your Dreams Come True